นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้เรียก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล “บิ๊กต่อ” ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกว่าพบแบบสายฟ้าฟาดที่ทำเนียบรัฐบาล

โดยภายหลังจากเข้าพบนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่า การเข้าพบนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เนื่องจาก นายกฯ ต้องการให้ยุติความขัดแย้ง พร้อมทั้งรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจในสายตาประชาชน ให้กลับมามีความเชื่อมั่น ซึ่งบอกว่านับตั้งแต่นี้ต่อไป คดีของเว็บพนัน ให้ส่งเรื่องไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) หมด โดยต่อจากนี้พนักงานสอบสวนจะไม่ขอเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการดำเนินการคดี เพราะระบุว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงกระแสในโซเชียลมีเดียเท่านั้น ที่ผ่านมาตนไม่เคยมีข้อความขัดแย้งกับใคร และไม่เคยหวงตำแหน่ง ซึ่งหากมีข้อผิดพลาดในการทำงาน ตนก็พร้อมที่จะพิจารณาตนเอง

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าของตำรวจทุกคน ตนจะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน โดยจะไม่นำเรื่องเก่าและเรื่องเดิมออกมาพูด เราต้อง Set Zero ขอประชาชนมีความเชื่อมั่นว่า ต่อจากนี้ไป องค์กรตำรวจจะไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น

จากการออกมาแถลงข่าว ดูเหมือนว่า เรื่องทุกอย่างจะคลี่คลายลง ประชาชนจะกลับมามีความเชื่อมั่นกับองค์กรตำรวจ แต่เหมือนว่ายังจะไม่เป็นที่พอใจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งภายในเย็นวันนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ออกหนังสือคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรี ให้บิ๊กต่อและบิ๊กโจ๊ก เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ภายในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่า ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ ที่มีความรับผิดชอบ ต้องปฏิบัติราชการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามอำนาจและหน้าที่ของตนเอง แต่ทั้งนี้กลับมีข้อเท็จจริง พร้อมทั้งพยานหลักฐานปรากฏถึงความขัดแย้ง จนเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารราชการ หน้าที่รับผิดชอบ ตลอดจนการกล่าวหากันในเรื่องส่วนตัว

ซึ่งเป็นไปได้ว่า การที่นายกรัฐมนตรี เรียก 2 บิ๊กตำรวจเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ภายในสำนักนายกฯ นั้น ต้องการแสดงตัวอย่างให้ข้าราชการ ชั้นผู้น้อยเห็นว่า ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด มีอำนาจบารมีมากเพียงใด หากมีการกล่าวหาว่ากระทำผิดหรือการทำหน้าที่อย่างละเลย ก็จะดำเนินการอย่างเอาจริงเป็นเอาจัง เพื่อให้ประชาชนได้เห็นถึงการบริหารประเทศ ที่มีความยุติธรรม ซึ่งถือว่าการกระทำครั้งนี้ของนายกฯ จะเรียกคะแนนความนิยมกลับมาอีกครั้ง ภายหลังจากที่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กระแสความนิยมดูเหมือนจะลดถอยลง

หากนายกรัฐมนตรีอยากจะรักษาคะแนนนิยมของตนไว้ ก็คงจะต้องเดินหน้าทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง พัฒนาดำเนินการโครงการและนโยบายต่าง ๆ ของตน ให้ออกมาเป็นรูปธรรม อย่างเช่นการกระทำในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแต่สร้างผลงานใหม่ ๆ ขึ้นมา แต่ผลงานเดิมที่ตนประกาศไว้ ในตอนหาเสียงเลือกตั้ง เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่า สร้างเรื่องขึ้นมาใหม่ เพื่อกลบเรื่องที่ทำแล้วไม่สำเร็จสักที

คงต้องมาจับตาดูแล้วว่า การลงดาบเชือด 2 บิ๊กตำรวจ ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ จะเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมา หรือประชาชนจะมองเพียงแค่ว่า เป็นการลงดาบ เพื่อรักษาฐานของเก้าอี้นายกฯ เท่านั้น.