นายเมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานพัฒนาธุรกิจ กลุ่มสินค้าทาวน์โฮม ร่วมด้วยนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน)  เข้ารับ “4รางวัลสำคัญด้านแบรนด์อสังหาริมทรัพย์และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่คน ไทยเชื่อถือมากที่สุด”

โดยรางวัลประกอบไปด้วย 1) รางวัล 2023-2024 Thailand’s Most Admired Company สุดยอดองค์กรครองใจผู้บริโภค 2) รางวัลพิเศษ 2024 Thailand’s Most Admired Company & Brand 3) รางวัล AP Thailand 2024 Thailand’s Most Admired Brand อันดับ 1 แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่ผู้บริโภคเชื่อถือมากที่สุด โดยได้รับติดต่อกันต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และ 4) รางวัล AP Townhome 2024 Thailand’s Most Admired Brand แบรนด์สินค้ากลุ่มทาวน์โฮมอันดับ 1 ในใจผู้บริโภคต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 รางวัลสำคัญดังกล่าวถือเป็นดัชนีที่ช่วยชี้วัดการรับรู้และพัฒนาการของแบรนด์ และความน่าเชื่อถือขององค์กรจากผลสำรวจของผู้บริโภคทั่วประเทศ และนักการตลาดที่มีการรับรู้ต่อแบรนด์ จัดทำโดยทีมวิจัย BrandAge และความร่วมมือจากอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั่วประเทศ

“ขอบคุณทุกเสียงตอบรับในทาวน์โฮมของเอพี ไทยแลนด์ภายใต้โรดแม็ป Unlock Vertical Life –พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกเองได้ เราตั้งใจพัฒนานวัตกรรมพื้นที่เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์การอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลายกระดับและเปลี่ยนมุมมองการอยู่อาศัยทาวน์โฮมในประเทศไทยให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งพื้นที่ใช้สอยและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของครอบครัวคนเมืองรุ่นใหม่และในปีนี้เราตั้งเป้าที่จะต่อยอดความสำเร็จไปสู่สินค้าบ้านแฝด 3 ชั้นและ 2 ชั้นเพื่อให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ลูกค้าสามารถเลือกที่จะขยายพื้นที่ให้พอดีกับทุกความสุขได้ตามความต้องการอีกด้วย”

งาน Thailand’s Most Admired Company & Brand 2024จัดทำอย่างต่อเนื่องโดยทีมวิจัย BrandAge และความร่วมมือจากอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทั่วประเทศถือเป็นดัชนีที่ช่วยชี้วัดการรับรู้และพัฒนาการของแบรนด์ และความน่าเชื่อถือขององค์กร ทั้งในมิติการมีภาพลักษณ์ที่ดีการมีความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น การขับเคลื่อนองค์กรผ่านนวัตกรรม ที่สามารถสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ทำให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธา และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์และองค์กร

บมจ. เอพี ไทยแลนด์ ตั้งเป้าปี 2567ขยายพอร์ตสินค้าในเครือเอพีพร้อมขายกระจายทั่วประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 212 โครงการ โดยเป็นโครงการพัฒนาใหม่ จำนวน 48 โครงการ มูลค่าประมาณ 58,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 15 โครงการ มูลค่า 23,000 ล้านบาท ทาวน์โฮมและบ้านแฝด 23 โครงการ มูลค่า 19,300 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 12,500ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 4 โครงการ มูลค่า 3,200 ล้านบาท และโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (ongoing projects) จำนวน 164 โครงการ ซึ่งจะเป็นคีย์สำคัญในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (cash inflow) โดยตั้งเป้ายอดขาย 57,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 53,700 ล้านบาท