วันที่ 5 เม.ย. คุณพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร บริษัท วายแอลจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก ปัญหานโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จากประกาศลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ เชื่อว่า 2 ปัจจัยน่าจะผลักดันให้ราคาทองคำไปต่อได้ แต่ตั้งแต่ต้นปีทองคำไทยราคาเพิ่มขึ้นมาแล้ว 17-18% เพราะบาทอ่อนไป 8-9%

เชื่อว่าการขึ้นลงของทองคำมักจะขึ้นลงเป็นฟันปลา และระยะใกล้น่าจะย่อบ้าง เช่น เมื่อวาน(4 เม.ย.) ทองคำราคา 41,200 บาท วันนี้(5 เม.ย.)ย่อลงมาต้นๆ 40,000 บาท เชื่อว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำย่อไปต้นๆ 39,000 บาทจนถึงปลายๆ 39,000 บาท ถือว่าเป็นจังหวะดีที่เข้าสะสม หรือถ้ามีโอกาสลดไป แนวรับสุดท้ายระยะใกล้มีโอกาสได้เห็น 38,500 บาท จุดแถวนี้ น่าทยอยสะสม

ในส่วนนักลงทุนที่มีทองอยู่ในมือ ทุกจุดแนวต้าน 42,000-42,500 บาท ถือเป็นจุดทยอยออกไปทำกำไรระยะสั้น เพื่อไม่ให้หลุด เพื่อไม่ให้เสียโอกาสการลงทุน โดยการลงทุนบนทองคำ มีการปรับขึ้นปรับลงตลอดเวลา และระยะใกล้มีโอกาสไปต่อ

ขณะที่คำถามที่ว่ามีโอกาสราคาทองคำไปแตะ 50,000 บาท หรือไม่นั้น จริงๆต้องดูปัจจัยหลายอย่าง นอกจากเศรษฐกิจ ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ ต้องดูปัจจัยอื่นๆเข้ามาอีกเยอะ และคงต้องดูเงินบาทอ่อนค่า อย่างปีที่แล้วอ่อนค่าสุด 38 บาท ทองคำสูงสุด 2,350 ดอลลาร์ต่อทรอยเอานซ์ คาดว่าราคาสูงสุดในปีนี้ 42,500-43,000 บาท คิดว่าเป็นจุดสูงสุด ยกเว้นจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาอย่างรุนแรงจนทำให้นักลงทุนไม่มีเสถียรภาพ มองหาทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในปัจจุบัน

“ราคาทองคำ 50,000 บาท ค่อนข้างไกล ตั้งคำถามว่า จะถึงหรือไม่ ต้องดูปัจจัยอื่นๆ แต่ดูแล้วค่อนข้างไกล”

“ซีอีโอ วายแอลจี” บอกต่อว่า ราคาทองคำในเวลานี้ยังซื้อได้หรือไม่นั้น อยู่ที่นักลงทุนมองไกลหรือมองใกล้ ถ้านักลงทุนมองใกล้แตะแนวต้านแล้วน่าจะมีการย่อ รอย่อแล้วทยอยสะสม แต่ถ้านักลงทุนมองไกล ถ้าคิดว่าจะเห็น 42,500-43,000 บาทมีโอกาสทำกำไร ก็ทยอยสะสม และควรเข้าในปริมาณที่รับความเสี่ยงได้

อย่างไรก็ตามนักลงทุนสามารถเข้าไปซื้อทองในแอป GET GOLD จาก YLG ซื้อได้ตั้งแต่ 100 บาท ทยอยสะสมได้ ซื้อได้ครั้งละ 100 บาท หรือ 1,000 บาทก็ได้ หรือซื้อได้ครั้งละ 80 กิโลกรัมก็ได้ ขึ้นอยู่ที่นักลงทุน และในแอป GET GOLD ทยอยซื้อทองสะสมแล้ว สามารถเบิกเป็นทองจริงได้ตั้งแต่ 1 กรัมไปจนถึง 80 กิโลกรัม