เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่โรงแรมเมเปิล ย่านบางนา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคก้าวไกล ถึงการต่อสู้คดียุบพรรคในศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ทีมกฎหมายที่รับผิดชอบหลักเรื่องนี้ร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค ตอนนี้ขั้นตอนอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดกรอบเวลาให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา กำหนดเบื้องต้น 15 วัน มีช่องทางกฎหมายขยายได้อีก ตอนนี้ทีมกฎหมายกำลังเตรียมคำชี้แจงอยู่ เมื่อส่งไปศาลรัฐธรรมนูญแล้ว อาจเป็นช่วงหลังสงกรานต์ พรรคจะแถลงต่อประชาชนในการต่อสู้คดีอย่างเป็นระบบอีกรอบ

เมื่อถามว่า ประเด็นยุบพรรค ได้สแกน สส.บางคนที่อาจมีท่าทีย้ายพรรค หรือเป็น สส.งูเห่า มีมากน้อยแค่ไหน และจะจัดการอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า เชื่อว่า สส.ทุกคนที่สังกัดพรรคก้าวไกล เราทุกคนเดินเข้ามาพรรคนี้ ตัดสินใจยื่นใบสมัคร สส.ก้าวไกล ทุกคนมีชุดความคิด อุดมการณ์ที่ตรงกันว่า อยากเห็นภาพอนาคตไทยเป็นอย่างไร หลายคนรู้ความเสี่ยงนิติสงครามที่จะเกิดขึ้นภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่ยังไม่ได้ปกติมากนัก ในเมื่อทุกคนที่เข้ามาสมัครเป็น สส. เข้ามาด้วยอุดมการณ์ตรงกัน เชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรค ทุกคนเดินหน้าต่อร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่เราอยากเห็นร่วมกัน

ส่วนประเด็นการตั้งพรรคสำรอง ที่ตอนนี้มีการปล่อยออกมา 2 ชื่อคือ พรรคก้าวใหม่ และพรรคอนาคตไกลนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ส่วนแรกเห็นมีข่าวคนถามเข้ามาเรื่องพรรคอนาคตไกล เคยชี้แจงกับสื่อไปแล้วเมื่อปลายปีก่อนว่า พรรคอนาคตไกลที่ปรากฏออกมาว่า ชื่อคล้ายอนาคตใหม่ โลโก้สีส้มด้วย ยืนยันอีกรอบว่า พรรคอนาคตไกล ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวกับพรรคก้าวไกล หรือผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ส่วนประเด็นกว้างกว่านั้น ตอนนี้สมาธิเราโฟกัส 2 อย่างคือ 1.ทำอย่างไรให้เราพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเราในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้เกิดการยุบพรรค 2.การทำงานเต็มที่ตามกลไกต่าง ๆ ในสภา พื้นที่ ท้องถิ่น

 เมื่อถามย้ำกระแสข่าวว่าหากยุบพรรคจริง อาจมีการตั้งพรรคมารองรับ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เวลานี้สมาธิเรามี 2 อย่างข้างต้น คิดว่าเดิมพันตรงนี้ ไม่ได้สำคัญแค่เฉพาะชะตากรรมของก้าวไกล แต่สำคัญต่อระบบการเมืองไทยในภาพรวม ที่ผ่านมาการยุบพรรคถูกใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ถ้าเราดูกติกาประชาธิปไตยสากล จะไม่ได้มีการยุบพรรคเกิดขึ้น มองว่าสมมติหากมีพรรคไหน กรรมการบริหารพรรคไปทำอะไรที่ผิดขึ้นมา ส่วนใหญ่ลงโทษระดับบุคคล เพราะพรรคเป็นสถาบันการเมืองใหญ่กว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เราโฟกัสเต็มที่เรื่องปกป้องไม่ให้พรรคถูกยุบ ส่งผลต่อภาพรวมการเมืองไทยด้วย อีกส่วนทำงานเต็มที่ต่อในฐานะก้าวไกล มีพื้นที่ในสภาฯ แผนทำงานท้องถิ่น กลไกนั้นผลักดันการเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่า หากมีการยุบพรรค หรือไม่ยุบพรรคเกิดขึ้น จะส่งผลต่อการสรรหาผู้สมัครลงชิงเก้าอี้ท้องถิ่น หรือ อบจ.หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ในเชิงกฎหมาย ว่าตามกระบวนการ หากสถานการณ์นั้นเกิดขึ้น แต่ทิศทางการทำงานไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร เพราะเราประกาศชัด เราเชื่อว่าการบริหารท้องถิ่นเป็นพื้นที่หนึ่งที่คนของพรรคก้าวไกล หรือคนที่เชื่อในอุดมการณ์จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงนโยบายระดับท้องถิ่นได้ คนที่มีชุดความคิดของพรรค แล้วอาสาตนเองมาสมัครท้องถิ่น สามารถขับเคลื่อนได้ปกติ

เมื่อถามต่อว่าสมมติในช่วงเวลานั้นจะไม่มีชื่อพรรคก้าวไกลเองก็ตาม นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากวันนั้นมาถึงหรือเกิดขึ้น ค่อยมาดูในเชิงกฎหมาย เชิงรายละเอียด แต่ภาพรวมคนมีเป้าหมายเดียวกับพรรคก้าวไกล แล้วอยากเปลี่ยนแปลงผ่านกลไกของท้องถิ่น แสดงความประสงค์มา เราก็นำเขาเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกเพื่อไปต่อ