เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ร่วมกับ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต นายภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งาม ผู้ว่าการยาสูบแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายลักลอบขนบุหรี่ต่างประเทศรายใหญ่ข้ามชาติ SEASON 2 ความเสียหายทางภาษีกว่า 17 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต, บก.ปอศ., บก.รน. ได้ร่วมกันทำการจับกุมกลุ่มบุคคลที่ลักลอบจำหน่ายและนำส่งบุหรี่ต่างประเทศ โดยมีวิธีการคือ นำบุหรี่ต่างประเทศมาบรรจุในกล่องพัสดุไปรษณีย์เพื่อส่งให้กับลูกค้าทั่วประเทศไทย โดยลักลอบนำเข้ามาตามแนวรอยต่อพรมแดนประเทศเพื่อนบ้านทางภาคตะวันออก โดยวันที่ 28 ก.พ. เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางได้จำนวนกว่า 3,000 คอตตอน (ประมาณ 30,000 ซอง) ที่ ปณ.คลองใหญ่ จ.ตราด ต่อมาในวันที่ 2 มี.ค. เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางได้จำนวนกว่า 17,867 คอตตอน (ประมาณ 178,678 ซอง) ในพื้นที่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ต่อมามีการสืบสวนทราบว่าในการนำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จะมีการนำผ่านช่องทางธรรมชาติ (แนวพรมแดนไทย-กัมพูชา) โดยผ่านพื้นที่ภูเขา ชื่อ “เขาวง” โดยมีนายทุนกัมพูชาและนายทุนไทย เป็นผู้ว่าจ้างให้ชาวกัมพูชาลักลอบขนบุหรี่ข้ามพรมแดนมาให้

จากการตรวจสอบพบว่า ทั้ง 2 กรณีที่จับกุมก่อนหน้านี้ ใช้กลุ่มขบวนการดังกล่าวในการลักลอบขนกลุ่มเดียวกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันวางแผน เฝ้าสะกดรอยจนแน่ชัด กระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัว นายปอ หรือสัก (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี พร้อมของกลางบุหรี่จำนวน 2,350 คอตตอน (23,500 ซอง) และรถกระบะใช้ในการขนสินค้า มาดำเนินคดีในความผิดฐาน “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ” และ “ผู้ใดมีไว้ในครอบครองโดยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนหรือผู้ใดขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต” เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับการว่าจ้างจากพ่อค้าชาวไทย โดยได้เงินค่าขนบุหรี่ คอตตอนละ 5 บาท โดยจะมีการขนส่งกันทุกวัน โดยบางวันจะมีการขนส่งกัน 2-3 รอบ โดยจะได้ค่าจ้างวันละประมาณ 5,000–20,000 บาท ส่วนรถยนต์ที่ใช้ในการขนบุหรี่นั้น ลูกค้าจะเป็นผู้จัดหามาให้ ซึ่งจะสลับหมุนเวียนกันไปตามแต่ละกลุ่มที่สั่งซื้อ และยอมรับว่าทำการลักลอบขนบุหรี่มาแล้วกว่า 5 ปีเศษ และยังไม่เคยถูกจับกุมตัวมาก่อน