“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” รายงานเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทผันผวน แข็งค่าในช่วงแรกตามราคาทองคำโลก แต่อ่อนค่ากลับมาก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์

เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นในช่วงแรกตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกที่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ก่อนจะอ่อนค่ากลับมาบางส่วน สอดคล้องกับจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำ ขณะที่เงินดอลลาร์ ฟื้นตัวกลับขึ้นมาช่วงกลางสัปดาห์ หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐ ออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด ซึ่งส่งผลทำให้การปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็ว

ตลาดบางส่วนเริ่มประเมินว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 3 ครั้งในปีนี้ อนึ่ง กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก หลังผลการประชุม กนง. ช่วงกลางสัปดาห์ โดยในการประชุมรอบนี้ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ตามเดิม

ในวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.57 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 36.65 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (5 เม.ย. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 9-11 เม.ย. 2567 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 7,918 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 16,566 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตรไทย 15,509 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1,057 ล้านบาท)

สัปดาห์ถัดไป (17-19 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.20-36.80 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก และรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของ IMF

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก การเริ่มสร้างบ้าน การผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย เดือน เม.ย. รายงาน Beige Book ของเฟด และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือน มี.ค. ของอังกฤษ ยูโรโซน และญี่ปุ่น และตัวเลขเศรษฐกิจจีน อาทิ จีดีพีไตรมาส 1/67 การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และอัตราการว่างงาน เดือน มี.ค.