สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ว่า รายงานฉบับใหม่ของสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (เอสไอพีอาร์ไอ) ระบุว่า การใช้จ่ายทางทหารเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป, ตะวันออกกลาง และเอเชีย
“การใช้จ่ายทางทหารโดยรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 ที่พวกเราเห็นการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในทั้งห้าภูมิภาค” นายหนาน เทียน นักวิจัยอาวุโสของเอสไอพีอาร์ไอ กล่าว
Conflicts push global military expenditure in 2023 to an 'all-time high'
— FRANCE 24 English (@France24_en) April 21, 2024
➡️ https://t.co/VET5W78GFw pic.twitter.com/tmlWrAA4MD
ตามข้อมูลของรายงาน การใช้จ่ายทางทหารเพิ่มขึ้น 6.8% ในปีที่แล้ว และถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นับตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งเทียน กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของสันติภาพ และความมั่นคงทั่วโลก และไม่มีภูมิภาคใดบนโลกที่มีสถานการณ์ดีขึ้นเลย
Who were the top 5 military spenders in 2023?
— SIPRI (@SIPRIorg) April 22, 2024
1. United States ????????
2. China ????????
3. Russia ????????
4. India ????????
5. Saudi Arabia ????????
Together, they accounted for 61% of world military spending.
New @SIPRIorg data out now ➡️ https://t.co/rgGBBkgFPS
Database ➡️ https://t.co/dXcyRKR3LW pic.twitter.com/TaV7rPxalQ
ทั้งนี้ ประเทศที่มีการใช้จ่ายทางทหารสูงสุด 5 อันดับแรก คือ สหรัฐ, จีน, รัสเซีย, อินเดีย และซาอุดีอาระเบีย
อนึ่ง สงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในยูเครน ส่งผลให้การใช้จ่ายของยูเครน, รัสเซีย และหลายประเทศในยุโรป ต่างเพิ่มขึ้น ส่วนการใช้จ่ายทางทหารในตะวันออกกลาง ก็สูงขึ้นเช่นกัน โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนหลักจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส ขณะที่การใช้จ่ายในทวีปเอเชีย เพิ่มขึ้นจากการเสริมความแข็งแกร่งกองทัพของประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น จีน, ญี่ปุ่น และ อินเดีย
เนื่องจากสงครามในยูเครน “ยังไม่มีวี่แววยุติ” เช่นเดียวกับสถานการณ์ปัจจุบันในตะวันออกกลาง และความตึงเครียดที่สูงขึ้นในเอเชีย เทียนจึงเชื่อว่า ประเทศต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะส่งเสริมกองทัพของตนเองต่อไป และคาดว่าแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ จะดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี.
เครดิตภาพ : AFP