สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอช5เอ็น1 ถูกตรวจพบว่ามีการกระจุกตัวสูงมาก เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ในน้ำนมดิบ หรือนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ จากวัวที่ติดเชื้อ นับเป็นการพัฒนาที่น่าตกใจสำหรับผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่า น้ำนมจะเสี่ยงต่อโรคชนิดนี้

“การเฝ้าระวังนกและสัตว์ปีก ได้รับการพัฒนาไปมากแล้ว ทว่าสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ทั่วโลก คือ การเฝ้าติดตามอย่างเข้มงวด ในสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ” พญ.มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ ผู้สันทัดกรณีจากดับเบิลยูเอชโอ ผู้นำการป้องกัน และการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาด จากดับเบิลยูเอชโอ กล่าวในการแถลงข่าวที่เมืองเจนีวา

แม้ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ไข้หวัดนกสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ อย่างไรก็ตาม บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต่างกังวลว่า หากเชื้อไวรัสแพร่กระจายในวงกว้าง มันอาจกลายพันธุ์เป็นรูปแบบที่สามารถแพร่ระบาดระหว่างมนุษย์ได้

“เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ ยังคงมีโอกาสแพร่กระจาย และเข้าสู่สัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง มันจึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดโรคระบาด และอาจกลายเป็นเชื้อไวรัสที่มีศักยภาพในการระบาดใหญ่” เคิร์กโฮฟ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ดับเบิลยูเอชโอ ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงปี 2546 ถึงวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดนก 463 ราย จากผู้ป่วย 889 คน ใน 23 ประเทศ นั่นจึงทำให้อัตราการเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวอยู่ที่ 52%

อนึ่ง เชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอช5เอ็น1 ปรากฏขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2539 ซึ่งตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา จำนวนการระบาดในนกก็เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ และส่งผลให้สัตว์ปีกตายหลายสิบล้านตัว ควบคู่กับจำนวนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ติดเชื้อ ซึ่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน.

เครดิตภาพ : AFP