บรรยากาศตลาดหุ้นไทยวันนี้ ยังคงปรับตัวใน “แดนลบ” แม้มีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่อย่างเป็นทางการ โดยมี “นายพิชัย ชุณหวชิร” ขึ้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลังจากแจ้งลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งๆ ที่เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา
สำหรับการเข้ารับตำแหน่งของนายพิชัยครั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ในตลาดหลักทรัพย์ จึงให้ความคิดเห็นถึงแนวทางของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะเข้ามาช่วยฟื้นตลาดหุ้นให้น่าลงทุน
จี้ฟื้นเศรษฐกิจทุกอย่างจะดีเอง
โดย “นายไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน บอกว่า สิ่งที่จะช่วยฟื้นตลาดหุ้นตอนนี้มีแค่เรื่อง “เศรษฐกิจ” เพราะขณะนี้เครื่องยนต์อื่นๆ นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแล้วยังไม่ดี อาทิ การบริโภคในประเทศ การส่งออกติดลบ และการใช้จ่ายภาครัฐ อยากให้กระตุ้นในระยะสั้นด้วยแผนอื่น ไม่ใช่รอแค่แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพียงอย่างเดียว เพราะอาจเกิดความไม่แน่นอนขึ้นได้
“ดัชนีหุ้นตอนนี้ดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องกฎกติกาก็ยังไม่ต้องแก้ แค่ทำให้เศรษฐกิจฟื้น แค่นี้ก็ช่วยตลาดหุ้นไทยได้อย่างสบาย“
ถ้าหากทำให้นักลงทุนมั่นใจกล้าลงทุน ก็จะฟื้นเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังได้ หลังจากนั้นเรื่องฟันด์โฟลว์หรือเงินลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยก็จะกลับเข้ามาเอง เพราะฟันด์โฟลว์และกำไรของบริษัทจดทะเบียน มาจากปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจ 80-90%
แนะ 3 แนวทางหนุนตลาดหุ้น
ด้าน “นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม“ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส จำกัด มองว่า การปรับ ครม. ชุดใหม่ในระยะสั้นนี้ ไม่มีผลให้ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น และอยากให้ ครม. ชุดนี้ โดยเฉพาะนายพิชัย ซึ่งเคยดำรงตำแน่งประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ช่วยดูแลตลาดหุ้นใน 3 เรื่องหลัก คือ
1. สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน เพื่อให้เกิดปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันตลาดหุ้นไทยขาดปริมาณการซื้อขาย และยังน้อยเกินไป ควรจะต้องมีอย่างน้อยวันละ 50,000 ล้านบาท
2. ปรับโครงสร้างบริษัทจดทะเบียนเพราะส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม จึงอยากให้หาแนวทางผลักดันให้มีบริษัทจดทะเบียนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อทำให้ตลาดดีขึ้น
3. การปรับเกณฑ์การลงทุน เพื่อป้องกันการหลอกลวงอย่างกรณีเดียวกับหุ้นมอร์และสตาร์ค
