สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ว่า ดีอาร์คองโกกล่าวหาแอปเปิลว่าใช้แร่ธาตุที่ได้มาจากการ ‘กดขี่อย่างผิดกฎหมาย’ ในพื้นที่ตะวันออกของประเทศที่มีความขัดแย้ง โดยทนายความได้ส่งหนังสือขอให้แอปเปิลหยุดการใช้แร่ที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย และเตือนว่าอาจมีการดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัท

เขาระบุว่า แอปเปิลซื้อแร่ที่ลักลอบส่งออกจากดีอาร์คองโกไปขายในรวันดา ผ่านกระบวนการฟอกอย่างผิดกฎหมาย ก่อนจะนำแร่ธาตุเหล่านั้นไปรวมเข้ากับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

อย่างไรก็ดี แอปเปิลชี้แจงว่า บริษัทได้ออกแถลงการณ์ประจำปี 2566 เกี่ยวกับการใช้แร่ที่มีข้อขัดแย้งซึ่งจำเป็นต่อผลิตภัณฑ์ไฮเทคหลายประเภท “จากการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566 เราไม่พบหลักฐานว่าโรงถลุงแร่ “3ทีจี” (ดีบุก, แทนทาลัม, ทังสเตน และทองคำ) ซึ่งอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของเรา มีความเกี่ยวข้องหรือเคยสนับสนุนเงินให้กับกลุ่มติดอาวุธ ทั้งทางตรงและทางอ้อม” แอปเปิลระบุ

ภูมิภาคเกรทเลกส์ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุของดีอาร์คองโก ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง นับตั้งแต่เกิดสงครามภายในภูมิภาค เมื่อปี 2533 และความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นใ นช่วงปลายปี 2564 เมื่อกองกำลังติดอาวุธขบวนการ 23 มี.ค. หรือ “เอ็ม23” เริ่มยึดคืนพื้นที่ส่วนใหญ่

ดีอาร์คองโก, สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และประเทศตะวันตก ต่างกล่าวหารวันดาว่าเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มกบฏ และกลุ่มเอ็ม23 นอกจากนี้ ยังมีความพยายามในการยึดครองทรัพยากรแร่อันกว้างใหญ่ ขณะที่รัฐบาลรวันดาปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

ทนายความของดีอาร์คองโกให้เหตุผลว่า “แอปเปิลขายเทคโนโลยีที่ทำจากแร่ธาตุ ซึ่งมาจากภูมิภาคที่ประชากรถูกทำลายล้างและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง”

มากไปกว่านั้น ข้อเรียกร้องบางส่วนในหนังสือ ยังกล่าวถึง ความรุนแรงทางเพศ, การโจมตีด้วยอาวุธ และการทุจริตในการจัดหาสถานที่ขุดแร่ให้กับแอปเปิล “แมค, ไอโฟน และผลิตภัณฑ์แอปเปิลรุ่นอื่น ๆ แปดเปื้อนไปด้วยเลือดของชาวคองโก” ทนายความกล่าว

นายวิลเลียม เบอร์ดอน และนายวินเซนต์ เบรนการ์ธ ทนายความชาวฝรั่งเศส ส่งหนังสือให้บริษัทในเครือแอปเปิล 2 แห่ง ในฝรั่งเศส ขณะที่นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ส่งหนังสือไปยังสำนักงานใหญ่ของแอปเปิลในสหรัฐ

“แอปเปิลพึ่งพาซัพพลายเออร์ที่ซื้อแร่ธาตุจากรวันดา ประเทศที่ขาดแคลนซึ่งแร่ธาตุและทรัพยากร ทำให้ดีอาร์คองโกต้องถูกปล้นทรัพยากรและตกเป็นเหยื่อของรวันดามาเกือบ 3 ทศวรรษ” จดหมายระบุ

ดีอาร์คองโกอุดมไปด้วยแทนทาลัม, ดีบุก, ทังสเตน และทองคำ ซึ่งเป็นแร่ที่มักใช้ในการผลิตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ความพยายามในการจัดหาแร่ธาตุอย่างมีจริยธรรมนั้น “ไม่เพียงพอ” ทนายความเสริม “ดูเหมือนว่าบริษัทพึ่งพาความระมัดระวังของซัพพลายเออร์เป็นหลัก และคำมั่นของพวกเขาที่จะเคารพหลักจรรยาบรรณของแอปเปิล”

อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้และฝ่ายตรวจสอบภายนอก อาศัยการรับรองจาก “โครงการห่วงโซ่อุปทานดีบุกนานาชาติ (ไอทีเอสซีไอ)” ส่งผลให้เกิดข้อบกพร่องร้ายแรงมากมาย

โกบอลวิทเนสส์ เอ็นจีโอจากสหราชอณาจักร อธิบายว่า โครงการไอทีเอสซีไอเป็นหนึ่งในกลไกลหลักที่จัดตั้งขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพื่อรับรองว่ามีการจัดหาแร่ธาตุโดย “ปราศจากความขัดแย้ง” ในดีอาร์คองโก

เมื่อเดือน เม.ย. 2565 โกบอลวิทเนสส์กล่าวหาไอทีเอสซีไอว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกแร่ธาตุที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง, แรงงานเด็ก, การค้ามนุษย์ และการลักลอบเคลื่อนย้ายแร่ในดีอาร์คองโก

อย่างไรก็ดี แอปเปิลไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เพียงแห่งเดียวที่พึ่งพาระบบ “ที่มีปัญหา” โดยเทสลา, อินเทล และซัมซุง เป็นหนึ่งในบริษัทที่พึ่งพาไอทีเอสซีไอ โดยโกบอลวิทเนสส์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แร่ธาตุ “ร้อยละ 90” จากเหมืองเหล่านี้ ที่ได้มาจากไอทีเอสซีไอ ไม่ได้มาจากเหมืองซึ่งได้รับการทดสอบ

ทั้งนี้ ดีอาร์คองโกให้เวลาบริษัท แอปเปิล ตอบกลับข้อเรียกร้องดังกล่าวใน 3 สัปดาห์ รวมไปถึงคำถามเกี่ยวกับ “แร่ธาตุ 3ที” ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล

“ทางเลือกทางกฎหมายทั้งหมดถูกวางอยู่บนโต๊ะ” ทนายความกล่าวกับเอเอฟพี

รายงานขององค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล) เมื่อปี 2566 ระบุว่า “ความต้องการโคบอลต์และทองแดงที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการผลิตพลังงานสะอาด และแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟได้ ส่งผลให้เกิดการไล่ที่, การล่วงละเมิดทางเพศ, การลอบวางเพลิง และการทุบตีในทางตะวันออกของดีอาร์คองโก”

ปัจจุบัน กลุ่มเอ็ม23 ควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่ของนอร์ด-กีวู ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และกำลังปิดล้อมเมืองโกมา ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดนอร์ด-กีวู ส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคน ต้องพลัดถิ่นจากสงคราม และอาศัยกันอย่างอัดแน่นกันในค่ายพักพิงชั่วคราว

ยูเอ็นรายงานเมื่อปี 2566 ว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกของดีอาร์คองโก เผชิญกับความรุนแรงที่ไม่เคยมีมาก่อน และยูเอ็นให้คำนิยามว่า เป็นหนึ่งในสถานที่ “เลวร้ายที่สุดในโลก” สำหรับเด็ก

โกบอลวิทเนสส์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า แร่ธาตุจะถูกขนไปยังรวันดา และถูกฟอกด้วยวิธีสกปรกให้รอดพ้นจากการเป็น “แร่แห่งความขัดแย้ง” ก่อนจะถูกส่งขายต่อไป

“แอปเปิลและผู้ผลิตเทคโนโลยีรายใหญ่ ไม่เคยความรับผิดชอบที่ใช้งานแร่ธาตุเปื้อนเลือด เพราะพวกเขาใช้พวกมันมาเป็นเวลานาน” ทนายกล่าวทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES