สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ว่าที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมของ 30 ประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) มีมติเห็นขอบร่วมกัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าด้วยการจัดทำ “แผนแม่บทใหม่” เพื่อยกระดับความพร้อมในการป้องกันการโจมตีจากรัสเซีย ที่อาจเกิดขึ้นต่อนาโตในหลากหลายมิติ ตั้งแต่การโจมตีทางทหาร ซึ่งพื้นที่เสี่ยงคือกลุ่มประเทศแถบทะเลบอลติกและทะเลดำ การใช้อาวุธนิวเคลียร์ และสงครามไซเบอร์ ไปจนถึงปฏิบัติการจากนอกโลก


นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สมาชิกทั้งหมดต้องร่วมกับปฏิรูปและพัฒนาสหภาพทางทหารแห่งนี้ ให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ ที่นอกจากนั้น สมาชิกนาโตยังร่วมกันจัดตั้งกองทุนมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,270 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลโดยเฉพาะ


ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวถึงการที่ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ เยือนยูเครนเมื่อต้นสัปดาห์นี้ และประกาศสนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกนาโตของยูเครน ว่าความพยายามของยูเครน ในการเป็นสมาชิกนาโตให้ได้อย่างเป็นทางการสัมฤทธิผล แต่ความเคลื่อนไหวทางทหารภายในประเทศแห่งนั้นยังคงเกิดขึ้น “ซึ่งส่งผลกระทบต่อการรักษาผลประโยชน์ของรัสเซีย”

นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต


ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างนาโตกับรัสเซีย ซึ่งมึนตึงกันมานานแล้ว ถึงจุดตึงเครียดที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เมื่อรัฐบาลมอสโกประกาศช่วงกลางเดือนนี้ ว่านับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป รัฐบาลมอสโกจะไม่รับรองสถานะทางการทูต ของเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติทุกคนประจำสำนักงานนาโตในรัสเซีย


ขณะที่นับตั้งแต่เดือนหน้าเช่นกัน รัสเซียจะปิดสำนักงานผู้แทนการทูตของตัวเองประจำนาโต เพื่อตอบโต้การที่นาโตเนรเทศเจ้าหน้าที่การทูตของรัฐบาลมอสโกประจำนาโต 8 คน ในเดือนนี้ ด้วยข้อกล่าวหา “เป็นจารชน” ซึ่งรัสเซียยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง” และในอนาคตหากนาโต “ซึ่งมีสหรัฐเป็นแกนนำ” ประสงค์ติดต่อกับรัฐบาลมอสโก ให้ดำเนินการผ่านสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงบรัสเซลส์แทน.

เครดิตภาพ : AP