นายศดิศ ใจเที่ยง นายกสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณ 40-45% จากก่อนช่วงที่ยังไม่เปิดประเทศ เมื่อเดือน ต.ค.64 มีผู้โดยสารใช้บริการอยู่ที่ 30% หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ส่วนใหญ่ที่ใช้บริการจะเป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติที่เดินทางมาทำงานที่ไทย และ นักท่องเที่ยวชาวไทย ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังมีน้อย เนื่องจากเมื่อเดินทางเข้ามายังประเทศไทยแล้วต้องมีการปฏิบัติตามป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัดตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้

สำหรับการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารที่ใช้บริการนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดประเทศ และรัฐบาลมีการยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ควบคู่ด้วย จากจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการเพิ่มขึ้นทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นตามเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 บาทต่อคันต่อวัน จากช่วงก่อนเปิดประเทศอยู่ที่ 600-650 บาทต่อคันต่อวัน ส่วนจำนวนแท็กซี่ที่ให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปัจจุบันประมาณ 3,000 คัน ขณะที่ก่อนที่ยังไม่มีโควิดระบาดมีประมาณ 7,000-8,000 คัน ส่วนที่หายไป 4,000-5,000 คัน ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดรุนแรงได้กลับภูมิลำเนา และประกอบอาชีพอื่นแทน  

นายศดิศ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้คาดหวังว่าถ้าสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศต่อเนื่องและช่วยเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังคุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ทั้งสวมหน้ากากอนามัย มีเจลแอลกอฮอล์บริการ ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดภายในรถเป็นประจำก่อนให้บริการ

และที่สำคัญแท็กซี่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังเข้าร่วมโครงการติดตั้งฉากกั้นในรถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ในระยะแรกทั้งหมด 3,000 คัน ของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ซึ่งมีแท็กซี่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 1,000 คัน ทำให้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ขับรถและผู้โดยสารด้วยมาตรฐานการให้บริการเดินทางแบบ New Normal เว้นระยะห่างระหว่างผู้ขับรถและผู้โดยสาร ลดความเสี่ยงจากการสัมผัสละอองฝอย ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 อีกทางด้วย