เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมอีโอซีกระทรวงสาธารณสุข ให้กรมควบคุมโรครายงานข้อมูลของเชื้อโควิดกลายพันธุ์โอไมครอน พบว่าอาการผู้ติดเชื้อไม่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ โดยมีเรื่องอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแต่ไม่สูญเสียการรับรสและกลิ่น อาการป่วยไม่รุนแรง แต่มีรายงานการเสียชีวิตแล้ว ส่วนความเร็วในการแพร่โรคซึ่งเดลตาเร็วกว่าอัลฟา 60% แต่ทางแอฟริกาใต้ระบุว่าโอไมครอนน่าจะมากขึ้น และเร็วกว่าเดิม ส่วนโอกาสติดเชื้อทวีคูณ, ความรุนแรง, ระยะฟักตัวของเชื้อโอไมครอนยังไม่มีข้อมูล ส่วนผลต่อภูมิคุ้มกันยังกังวลกันอยู่ว่า อาจหลบภูมิคุ้มกันได้อย่างมีนัยสำคัญ และพบอัตราการการติดเชื้อซ้ำได้สูงขึ้น

“แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อวัคซีนยังสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้ ดังนั้นต้องเน้นย้ำเรื่องฉีดวัคซีน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน 1 คนฉีดอีก 1 คนยังไม่ฉีด ก็ขอให้ชวนกันมาฉีด เพราะผู้เชี่ยวชาญบอกว่าวัคซีนสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้” นพ.ทวีศิลป์

สำหรับประเทศที่พบการรายงานติดเชื้อ นอกจาก 8 ประเทศในทวีปแอฟริกาแล้ว ขณะนี้ยังพบเพิ่มที่ทวีปยุโรป คือ ประเทศโปรตุเกส ออสเตรีย สเปน เพิ่มจากที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้ ส่วนเอเชียพบเพิ่มขึ้นที่ญี่ปุ่น ทั้งนี้ในแต่ละประเทศพบว่ามีลักษณะเป็นการนำเชื้อเข้ามาโดยเดินทางกลับมาจาก 8 ประเทศแอฟริกา เช่น อิสราเอล กลับมาจากมาลาวี 3 ราย, อิตาลี 5 ราย เดินทางมาจากโมซัมบิก ขณะที่เดนมาร์ก เป็นนักเดินทางขาเข้าจากแอฟริกาใต้ และเคยอยู่ที่นามิเบีย

ในส่วนของไทย มีข้อมูลผู้เดินทางจาก 8 ประเทศเสี่ยงจากทวีปแอฟริกา (สาธารณรัฐบอตสวานา ราชอาณาจักรเอสวาตินี ราชอาณาจักรเลโซโท สาธารณรัฐมาลาวี สาธารณรัฐโมซัมบิก สาธารณรัฐนามิเบีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ และสาธารณรัฐชิมบับเว) เข้าไทยตั้งแต่วันที่ 15-27 พ.ย. 2564 โดยเข้ามาผ่านระบบ Sand box ทั้งหมด 255 ราย ออกจากประเทศไทยแล้ว 3 ราย ตอนนี้ยังอยู่ในไทย 252 ราย ติดตามได้ 11 ราย โดยที่ประชุมอีโอซีกระทรวงสาธารณสุขได้เน้นย้ำให้ประชาสัมพันธ์ให้คนเหล่านี้เข้ามารายงานตัวเพื่อรับการตรวจ RT-PCT ฟรีใน รพ.รัฐ โทร. 1442 และตรวจสอบรายละเอียดการลงทะเบียน Thailand pass ส่วนกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำมาทั้งระบบ sand box และระบบกักตัวประมาณ 300-400 คน ไม่ค่อยน่ากังวล

“ทั้งนี้ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ การไม่ปฏิบัติตามถือว่าละเมิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาตรา 34” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ร.บ.โรคติดต่อ มาตรา 34 ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อมีอํานาจออกคําสั่ง ให้ผู้ที่เป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด หรือผู้ที่เป็นผู้สัมผัสโรคหรือเป็นพาหะ มารับการตรวจหรือรักษา หรือรับการชันสูตรทางการแพทย์ และเพื่อความปลอดภัยอาจดําเนินการโดยการแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต ณ สถานที่ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกําหนดจนกว่าจะได้รับการตรวจและการชันสูตรทางการแพทย์ว่าพ้นระยะติดต่อของโรคหรือสิ้นสุดเหตุอันควรสงสัยฯ หากฝ่าฝืน มาตรา 34 (1) ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท