เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ 2565: ปีแห่งความหวังและโอกาสเปลี่ยนประเทศผ่านการเลือกตั้ง โดยระบุว่า สวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ 2 ของพรรคก้าวไกล เป็นปีที่เรายังคงมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อเป็นปากเสียงให้กับผู้ถูกกดขี่ เป็นมือเท้าให้กับผู้ถูกละเลยจากรัฐ เข้าไม่ถึงโอกาส ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้กับผลการทำงานของ ส.ส.ทุกคน แต่เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่จะเปลี่ยนประเทศไทยแล้ว เราต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเรายังทำงานหนักไม่พอ

นายพิธา ระบุต่อว่า ด้านการสื่อสาร เราสื่อสารได้ไม่ดีพอที่จะทำให้คนรอบข้างเข้าใจได้ว่าการแก้ไขปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนานของประเทศนี้ ไม่สามารถสำเร็จได้ผ่านการแก้ไขอย่างฉาบฉวย แต่จำเป็นต้องแก้โครงสร้างที่ผิดเพี้ยนอันเป็นรากฐานของปัญหาทั้งปวง และหนึ่งในรากฐานของปัญหานั้นคือคำถามที่ว่า อำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของใคร ด้านการทำงานในรัฐสภา เรามีเสียงไม่มากพอ ทั้งยังโดดเดี่ยวในการต่อสู้เรียกร้องในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจที่ทุนใหญ่กำลังเดินหน้ากินรวบทั้งตลาด ไม่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่เหลือทางเลือกในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภค

นายพิธา ระบุต่ออีกว่า หรือแม้กระทั่งเรื่องเรียบง่ายที่สุดอย่างการตัดสินใจโดยยึดถือประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง รวมทั้งการยืนยันว่าอำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชน เราก็ไม่สามารถโน้มน้าวชักชวนเพื่อนสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ให้เห็นร่วมกันกับเราได้ ผลประโยชน์และอำนาจในรัฐสภายังคงกระจุกตัวอยู่ที่เครือข่ายของเหล่านายทุน ขุนศึก ศักดินา เช่นเดิม

“ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคนมา ณ ที่นี้ ปีหน้าเราสัญญาว่าเราจะพยายามให้มากและทุ่มเททำงานให้หนักกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้เรามีเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนและสมาชิกรัฐสภามากพอที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นประเทศของประชาชนอย่างแท้จริง” นายพิธา ระบุ

นายพิธา ระบุต่อว่า นอกจากนี้เรายังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในปีหน้าที่ต้องขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน นั่นก็คือ “การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นว่าทุกการเลือกตั้งคือโอกาสของการเปลี่ยนแปลง หากประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่มีโอกาสไหนที่ดีไปกว่าการเข้าคูหาเลือกตั้ง ดังนั้นเราที่ต้องการเปลี่ยนประเทศไทย จึงพร้อมส่งตัวแทนลงสมัครในทุกสนามการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เป็นสนามการเลือกตั้งสำคัญที่เราจะส่งผู้สมัครที่ดีที่สุด ที่มีอุดมการณ์ตรงกันกับเรา ที่พี่น้องประชาชนจะเชื่อใจได้ว่าไม่มีวันยืนตรงข้ามกับประชาชนและแนวทางประชาธิปไตย เข้าไปเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานคร

“เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่เราต้องส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นเหตุผลเดียวกันกับการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ต่อเนื่องมาจนถึงพรรคก้าวไกล เพราะผู้สมัครทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ ไม่มีใครเป็นตัวแทนของความฝันและอุดมการณ์ของเราได้อย่างสนิทใจ เราต้องการเห็นผู้แทนของประชาชนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองตรงกันกับเรา ที่จะต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยไม่โอนอ่อนให้กับเหล่านายทุน ขุนศึก ศักดินาใดๆ ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุมพรรคก้าวไกลจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ส่งผู้สมัครที่มีความฝันและอุดมการณ์ตรงกันกับพรรคเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง เพื่อให้เรามั่นใจว่าเมื่อถึงคราวที่ต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและจะยืนเคียงข้างประชาชนในห้วงยามคับขัน ไม่หลีกลี้หนีหายไปหรือหันไปซบแทบเท้าอำนาจที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน” นายพิธา ระบุ