สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ว่า จากกรณีเหตุระเบิดเกิดขึ้นกับรถบรรทุกน้ำมันอย่างน้อย 3 คัน ในเขตอุตสาหกรรม มุสซาฟฟาห์ ของกรุงอาบูดาบี และในเวลาไล่เลี่ยกัน เกิดเพลิงไหม้ไซต์งานก่อสร้าง ใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 6 คนนั้น


สำนักงานตำรวจกรุงอาบูดาบีเผยแพร่แถลงการณ์เพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสามคน เป็นคนงานชาวอินเดีย 2 คน และชาวปากีสถานอีกคนหนึ่ง ทำงานเป็นพนักงานขับรถขนส่งน้ำมันให้กับบริษัทพลังงานแห่งชาติอาบูดาบี ( แอดนอค )


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของยูเออีออกแถลงการณ์ประณาม “การก่อการร้าย” โดยกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สิน และความสูญเสียของชีวิตประชาชน ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของยูเออี “มีความชอบธรรม” ที่จะตอบโต้กับการโจมตีดังกล่าว


ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศของสหรัฐ และนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงของทำเนียบขาว ออกมาร่วมประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงอาบูดาบี และยืนยันมอบความสนับสนุนด้านความมั่นคงอย่างเต็มที่ ให้แก่รัฐบาลยูเออี นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน กาตาร์ และองค์การความร่วมมือรัฐอิสลาม ( โอไอซี ) ร่วมประณามเช่นกัน


อย่างไรก็ตาม กองกำลังฮูตีซึ่งยังคงยึดครองกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน ได้อย่างเหนียวแน่นตั้งแต่เดือน ก.ย.2557 ประกาศ “ความสำเร็จ” ของการโจมตี “พื้นที่เปราะบาง” ในยูเออี โดยใช้ทั้งขีปนาวุธและโดรน


ทั้งนี้ ยูเออีซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรทางทหารที่สำคัญของซาอุดีอาระเบีย ลดระดับปฏิบัติการในเยเมนตั้งแต่ปี 2562 แต่ยังคงให้ความสนับสนุนแก่กองทัพเยเมน ผ่านการฝึกฝนทางยุทธวิธี และการส่งมอบอาวุธ.

เครดิตภาพ : REUTERS