เมื่อวันที่ 27 มี.ค. นายศุภากร ปัตตะพงศ์ อายุ 59 ปี แอดมินกลุ่มวาปีที่รัก ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้เปิดกลุ่มสาธารณะในเฟซบุ๊กชื่อกลุ่ม วาปีที่รัก เพื่อโพสต์ความเคลื่อนไหวและเรื่องราวต่าง ๆ ในอำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคาม ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงโควิด ก็มีแฟนเพจ ซึ่งเป็นพนักงาน ธ.ก.ส.แห่งหนึ่งที่ จ.มหาสารคาม เข้ามาคอมเมนต์ว่าถูกเรียกเก็บเงินจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม ภายหลังจากติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกับครอบครัวรวม 4 คน ทั้ง ๆ ที่รักษาตัวที่บ้านหรือ Home Isolation

โดยพนักงาน ธ.ก.ส. เล่าให้ฟังว่า ตนเองและครอบครัวติดเชื้อทั้งบ้านรวม 4 คน หลังจากหายป่วยได้ติดต่อทางโรงพยาบาลเพื่อขอใบรับรองการป่วย เพื่อประกอบการลาป่วยส่งให้กับต้นสังกัด โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่าจะต้องสำรองจ่ายค่ารักษา แยกเป็นค่าห้องและค่าอาหาร ค่าบริการและดูแลผู้ป่วยกรณีพักรอก่อนเข้ารักษา/พักฟื้น (เบิกได้+ปกส.) เป็นเงิน 10,000 บาท และค่ายาและสารอาหารทางเส้นเลือด 59 บาท รวมต้องจ่ายคนละ 10,059 บาท ทั้งครอบครัว 4 คน เป็นเงิน  40,236 บาท

และที่สำคัญคือตลอดการรักษา ผู้ป่วยรักษาแบบ Hi หรือ Home Isolation ไม่เคยไปนอนโรงพยาบาล และกินอาหารของโรงพยาบาลเลย ส่วนยาที่ได้รับมาก็มีเพียงยาพาราเซตามอล ยารักษาตามอาการเท่านั้น ซึ่งได้สอบถามเจ้าหน้าที่การเงินไปว่า ไม่เคยมานอนโรงพยาบาล ไม่เคยได้อาหาร ทำไมถึงต้องเก็บเงิน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งมาแค่ว่า ไม่เป็นไรหรอก คุณเบิกได้ ให้จ่ายไปก่อน

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมา จังหวัดอื่น ๆ หรือโรงพยาบาลอื่น ๆ เป็นแบบนี้บ้างไหม ยกตัวอย่างเช่น  ข้าราชการ ก็ใช้สิทธิจ่ายตรงจากกรมบัญชีกลาง กรณีนี้คือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน แล้วค่อยไปเบิกคืนจากต้นสังกัด แล้วเงินที่จ่ายโรงพยาบาลไปแล้ว ไปอยู่ตรงไหน ทั้ง ๆ ที่ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่บ้าน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงในกรณีที่เกิดขึ้นด้วย

ด้าน นายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้นตนเองได้รับทราบแล้ว ได้มีการสั่งการให้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงว่า ได้เรียกเก็บเงินค่าบริการจริงหรือไม่ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงออกมา