เมื่อวันที่ 10 เม.ย. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. รับผิดชอบงานจราจร ได้เดินทางมาตรวจการปฏิบัติงานของศูนย์บริหารจราจร กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) โดยมี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น., พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผบก.จร. และ พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล. ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปสภาพและปัญหาการจราจรทั้งในเขต กทม. และภูมิภาค นับตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 16.00 น. ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ตรวจสภาพการจราจร ไปตามเส้นทางถนนพหลโยธิน จากต่างระดับบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ไปจนถึง จ.สระบุรี เชื่อมต่อถนนมิตรภาพ บริเวณเนินทับกวาง เนินกลางดง เนินคลองไผ่ จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจดูสภาพการจราจร และจุดที่เป็นปัญหารถชะลอตัว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ตนจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุ ช่วงสงกรานต์ โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น สำหรับสภาพการจราจรวันที่ 8 เม.ย.จนถึงวันนี้ พบว่าปริมาณรถเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประชาชนบางส่วนพยายามหลีกเลี่ยงการจราจรช่วงวันสงกรานต์ จากข้อมูลกรมทางหลวง ในวันที่ 9 เม.ย. มีรถออกมากถึง 591,573 คัน และในวันนี้ (10 เม.ย) คาดว่าจะมีรถออกกว่า 550,000 คัน ซึ่งเชื่อว่าในวันที่ 12 เม.ย. จะมีปริมาณรถออกมากสุดถึง 620,000 คัน ตัวเลขเหล่านี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องนำมาคำนวณในการบริหารกำลังพลให้เหมาะสมเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้การเร่งระบายรถ ตำรวจจะเน้นอำนวยการจราจรบริเวณจุดที่ไม่สามารถคืนพื้นผิวการจราจรได้ทั้งหมดเช่น จุดก่อสร้างทาง เป็นต้น อีกทั้งยังมีการเปิดช่องทางพิเศษ เพื่อเร่งระบายรถขาออก โดยเฉพาะ ถนนมิตรภาพ ช่วงเนินกลางดง (กม.31-34), เนินทับกวาง (กม.24-43) และต่างระดับสีดา (กม.238-241) รวมทั้ง ถนนตาพระยา-โนนดินแดง (กม.76-81) ซึ่งเป็นจุดที่การจราจรชะลอตัวทุกปีเนื่องจากเป็นเนินสูง มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเปิดช่องทางพิเศษเป็นระยะๆ เพื่อหอบเอามวลรถให้พ้นจุดที่รถหนาแน่น

โดยในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) ไปจนถึงวันที่ 14 เม.ย. จะเริ่มเปิดช่องทางพิเศษ มอเตอร์เวย์ M6 เพื่อเร่งระบายรถที่จะเดินทางไปภาคอีสานเหนือ เริ่มจาก กม.65 ถนนมิตรภาพ เบี่ยงออกซ้ายเข้า M6 ผู้ที่จะเดินทางไปชัยภูมิ จะใช้ทางออกเชื่อมต่อ ทล.201 ที่ต่างระดับสีคิ้ว ส่วนรถที่จะมุ่งหน้าไปจังหวัดขอนแก่น จะใช้ทางออกเชื่อมต่อ ทล.204 ที่ต่างระดับขามทะเลสอ รวมระยะทาง 64 กม. ส่วนเที่ยวกลับจะเปิดใช้ช่องทางพิเศษในวันที่ 15-18 เม.ย. ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถช่วยเร่งระบายมวลรถได้จำนวนมาก

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทำให้การจราจรชะลอตัวคือรถบรรทุก จึงต้องมีการจำกัดปริมาณรถบรรทุกในวันที่ 12-13 และ 16-18 เม.ย. โดยจะพิจารณาอนุญาตเฉพาะรถบรรทุกสิ่งของจำเป็นเร่งด่วน เช่น รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส รถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค เป็นต้น โดยในห้วง 1-9 เม.ย. มีการยื่นคำร้องเข้ามา 24,307 คัน และอนุญาตให้ทำการวิ่งได้ 22,493 คัน สำหรับอีก 1,814 คันที่ไม่อนุญาต เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว เช่นรถบรรทุกหิน ดิน ทราย เป็นต้น

ส่วนความกังวลเรื่องประสิทธิภาพของผู้ขับขี่รถโดยสาร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เข้าไปประสานสถานีขนส่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร), สถานีขนส่งผู้โดยเอกมัย และ และสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (สายใต้ใหม่)​ เพื่อทำการตรวจวัดแอลกอฮอลล์ และสารเสพติดผู้ขับขี่รถโดยสาร เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งตั้งแต่ 8 เม.ย. จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ขับขี่รถโดยสารมีแอลกอฮอลล์หรือสารเสพติดในร่างกาย

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า สงกรานต์ปีนี้นายกรัฐมนตรี อยากให้ประชาชนเดินทางกลับอย่างปลอดภัย และเกิดอุบัติน้อยที่สุด กำชับให้ตำรวจกวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะ 10 ข้อหาหลัก ซึ่งตั้งแต่วันที่ 4-9 เม.ย. พบการกระทำผิด เช่น เมาแล้วขับ จำนวน 874 ราย ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 148,088 ราย ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 3,875 ราย ซึ่งมาตรการทั้งหมดที่ดำเนินการมานั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการจราจร ให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย และเป็นการป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดกฎจราจรจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายบนท้องถนน ทั้งนี้หากพบอุบัติเหตุ หรือรถเสีย สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน บก.ทล. 1193 หรือ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 หรือ สายด่วน บก.จร. 1197 ตลอด 24 ชั่วโมง