นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ผ่านระบบออนไลน์แอพพลิเคชั่น Zoom ว่า รฟท. และบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เตรียมลงนามในบันทึกข้อตกลงหลักหรือธรรมนูญใหญ่ที่ใช้ในการดำเนินงานระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า “Master Agreement”  ในเร็วๆ นี้ โดยข้อตกลงดังกล่าวจะมีการระบุให้บริษัท เอสอาร์ทีฯ เป็นผู้ทำหน้าที่หลักในการบริหารทรัพย์สินของ รฟท. ซึ่งแน่นอนว่าย่อมหมายความรวมถึงการให้สิทธิในการบริหารอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดินของ รฟท. โดยที่ดินดังกล่าวมีมูลค่ามหาศาล และมีศักยภาพสูงมาก

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า การบริหารทรัพย์สินของ รฟท. ที่ดำเนินการโดย บริษัท เอสอาร์ทีฯ จะมีการใช้วิธีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารใหม่ ทำให้บริษัทมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในยุคโลกาภิวัตน์ โดยขณะนี้ น.ส.ไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการ รฟท. และรักษาการกรรมการผู้จัดการ/คณะกรรมการบริหาร บริษัทเอสอาร์ทีฯ ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อม และวางแผนการดำเนินงานให้แล้วเสร็จไปในหลายเรื่องๆ แล้วอย่างเป็นระบบภายในระยะเวลาอันสั้น อาทิ ด้านกระบวนการทางกฎหมาย ได้ขอยกเว้น พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง, ด้านการบริหารจัดการ และด้านธุรกิจ ได้วางแผนในการกำหนดการมอบสิทธิในการบริหารที่ดิน เพื่อให้บริษัทเอสอาร์ทีฯ เตรียมความพร้อมในการรับมอบสิทธิการบริการที่ดิน เป็นต้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ทางบริษัท เอสอาร์ทีฯ ยังได้มีการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารโครงการใหญ่ๆ ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งไม่ได้ดำเนินการในรูปแบบการให้เช่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งนี้การดำเนินการในการบริหารสิทธิในที่ดินต่างๆ คาดว่าจะถูกทำให้เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนได้ภายในเดือน ธ.ค.64 ซึ่งจากการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน คาดว่าบริษัท เอสอาร์ทีฯ จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้ รฟท. ได้โดยมีมูลค่าสูงถึง 125,175.44 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้บริษัทฯ เร่งดำเนินการ และนำพื้นที่แปลงใหญ่ที่มีศักยภาพ เช่น พื้นที่บริเวณถนนพระราม 9 จากแยกคลองตัน และถนนรัชดาภิเษก มาสร้างรายได้เพิ่มเติมด้วย โดยในระหว่างนี้ให้เร่งนำพื้นที่แปลงขนาดกลาง และขนาดเล็ก มาเร่งพัฒนาให้เกิดรายได้ก่อน

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ให้บริษัทฯ ใช้สถานีธนบุรี ซึ่งมีความสำคัญอยู่ติดกับโรงพยาบาลศิริราช มีระบบรถไฟฟ้าเชื่อมต่อถึง 3 สาย มาใช้เป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) ตามนโยบายของกระทรวงคมนาม โดยให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาแบบรอบด้าน และสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเข้ามาบูรณาการความร่วมมือด้วย

ขณะเดียวกันให้บริษัท เอสอาร์ทีฯ เข้าไปพิจารณาความเหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่แปลงศูนย์การแพทย์บริเวณสวนจตุจักรด้วย พร้อมทั้งได้สั่งการให้เปรียบเทียบบริษัทลูก ของบริษัท เอสอาร์ทีฯ กับบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด เพิ่มเติม เพื่อสร้างความคล่องตัวและเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งนี้เน้นให้ความสำคัญกับหลักธรรมาภิบาล ตลอดจนต้องให้ความสำคัญกับการสรรหาผู้บริหาร รวมทั้งรายละเอียดของเงื่อนไขการจ้างให้มีความเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล.