เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.ได้โพสต์ข้อความระบุว่า งบลงทุนใครตัดนั้นไม่เกี่ยว แต่ทำผิด ก.ม. วินัยการเงินการคลัง นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ

งบประมาณแผ่นดิน เป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลที่จะต้องนำมาใช้ให้มีประสิทธิภาพ จึงมีกฎหมายสำคัญที่เรียกว่า พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ กำหนดให้ต้องมีสัดส่วนงบลงทุนต่องบประมาณทั้งหมดไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และต้องมียอดรวมงบลงทุนไม่น้อยกว่าเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลของปีงบประมาณนั้น

หลักการดังกล่าวนี้เพื่อเป็นหลักประกันว่า งบประมาณแผ่นดินปีละราว 3 ล้านล้านบาท จะมีเนื้องบประมาณเพื่อประโยชน์ในการพัฒนา  อย่างน้อยร้อยละ 20 ซึ่งต่ำมากแล้ว เพราะหากประเทศยังติดหล่ม ต้องมีรายจ่ายประจำที่เป็นเงินเดือนค่าจ้างบุคลากร ค่าตอบแทน ใช้สอย ถึงร้อยละ 80 ประเทศ ยากจะเดินไปข้างหน้าอย่างมีอนาคต

จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องรักษาสัดส่วนตัวเลขร้อยละ 20 ในการจัดทำและบริหารงบประมาณในแต่ละปี จะอ้างเหตุฝ่ายนิติบัญญัติมาตัดงบลงทุนไม่ได้

เพราะในการพิจารณางบประมาณ ฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ดูรายการงบลงทุนที่ไม่เหมาะสมและตัดออก เช่น เครื่องบิน รถถัง เรือดำน้ำ ว่ายังไม่ต้องซื้อ แต่เมื่อตัดแล้ว เป็นหน้าที่รัฐที่ต้องนำรายการงบลงทุนอื่นมาเติมแทน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาดสินค้าเกษตร หรือ ปรับสัดส่วนงบประมาณรวมให้น้อยลง เพื่อรักษาสัดส่วนงบลงทุนให้เป็นร้อยละ 20 ตามเดิม ไม่ใช่ปรับรายการดังกล่าวออกแล้วไปเติมในงบกลาง ให้ ครม. อนุมัติตามใจชอบ 

การตอบของนายกรัฐมนตรี ที่ว่า รัฐบาลไม่เกี่ยว เพราะสภาเป็นคนตัด ดูไม่หล่อเลย เพราะเข้าภาษิตเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น แต่ไม่เป็นไร เพราะคำตอบของท่านทำให้เพิ่มจำนวน คนที่จะถูกร้อง ป.ป.ช. คือ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอีก 257 คน ในฐานะผู้ร่วมทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เพราะฝ่ายค้านเขาลงมติไม่เห็นด้วย

อ้อ  ยังมี ส.ว.อีกเกือบ 250 คน ที่เห็นด้วยในขั้นการลงมติของ ส.ว.ด้วย

พลาดได้อย่างไรนี่ ไม่ใช่เรื่องช้างแล้ว ปลาวาฬชุบแป้งทอดทั้งตัวเลยครับ

ขอบคุณท่านนายกฯ ที่ช่วยชี้เป้า