เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ สน.หนองค้างพลู พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. เดินทางมาสอบปากคำ นายมีน พาระสิงห์ หรือ “มอส คลองขวาง” อายุ 25 ปี  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน เลขที่ จ.368/2565 ลงวันที่ 12 ส.ค.65 เพื่อติดตามจับกุมตัว นายมีน ได้แล้ว ในข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่า, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. กระหน่ำยิงบ้านของ น.ส.วรรณวิศาข์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี อดีตเพื่อนสนิท ภายในซอยเพชรเกษม 106 จำนวน 16 นัด เมื่อกลางดึกวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ นายธนพล อนุสรณ์ชัยเจริญ หรือ “บุ๊ค” อายุ 28 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส

พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวว่า จากการสอบสวนนายมีน ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในบ้านพักของ น.ส.วรรณวิศาข์ ปมเหตุมากจากความขัดแย้งกันหลายประเด็น อีกทั้งทราบว่าแฟนสาวของตน ซึ่งเคยคบหากับนายธนพล มีการพูดคุยกันอยู่ จึงต้องการนัดหมายเพื่อเคลียร์ใจกับทางนายธนพล อีกทั้งก่อนหน้านี้มีการตั้งกลุ่มเล่นแชร์กัน และนายมีน เปียแชร์ไม่ได้ คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการท้าทายกันไปมา จึงนัดหมายเจ้าของบ้านเช่า และนายธนพล เพื่อเคลียร์กันทีเดียวในคืนดังกล่าว ทั้งนี้เมื่อเดินทางไปถึงนายมีนเห็นว่าบ้านหลังดังกล่าวปิดอยู่ แต่เห็นนายธนพลอยู่ด้านใน จึงชักอาวุธปืนขนาด 9 มม. ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าซื้อจากทางอินเทอร์เน็ตในราคากระบอกละ 30,000 บาทเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ออกมากระหน่ำยิงใส่ทันทีจำนวน 16 นัด  อย่างไรก็ตามเบื้องต้นนายมีน ยืนยันเป็นผู้ก่อเหตุยิงเองใช้ปืนเพียงแค่กระบอกเดียว เพราะเป็นอาวุธปืนบรรจุกระสุนลูกดก ใส่ลูกกระสุนปืนได้จำนวนมาก ทำให้ยิงได้หลายนัด ขณะนี้ปืนกระบอกดังกล่าวพนักงานสวนได้ยึดเป็นของกลางเอาไว้แล้ว ส่วนผู้ร่วมก่อเหตุนั้นทางชุดสืบสวนได้คุมตัวมา 3 รายอยู่ระหว่างสอบปากคำเพิ่มเติมว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้างเพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายต่อไป

ขณะที่ น.ส.นันทวัน พาระสิงห์ อายุ 27 ปี พี่สาวของ “มอส คลองขวาง” ได้เดินทางมาที่ สน.หนองค้างพลู พร้อมเปิดหลักฐานเป็นแชตสนทนาระหว่างนายมอสและนายบุ๊ค พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมาทางครอบครัวทราบเรื่องตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยน้องชายตนถูกผู้บาดเจ็บคุกคามและมักจะมาระบายให้ฟังว่าถูกนายบุ๊ค บุกไปถึงบ้านพักและถ่ายรูปที่บริเวณบ้านพักและส่งแชทมาเพื่อเรียกให้น้องชายลงไปเจรจาเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวที่อดีตแฟนของนายบุ๊คมาติดพันตัวน้องชาย รวมถึง น้องชายยังเคยถูกผู้ได้รับบาดเจ็บใช้อาวุธปืนบุกมาถึงบ้านพักและจ่อที่ศีรษะ ซึ่งนายบุ๊คยังคงคุกคามเรื่อยมาทุกวันจึงเชื่อว่าเป็นสาเหตุทำให้น้องชายขาดสติและตัดสินใจลงมือก่อเหตุ อย่างไรก็ตามปกติน้องชายเป็นคนใจเย็น หลังพ้นโทษที่เคยถูกจับกุมคดีร่วมกันวิ่งราวทรัพย์เมื่อปี 2559 ออกมาก็ยึดอาชีพขี่แกร็บไบค์ ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายกับใครเพราะหากน้องชายเป็นคนใจร้อนคงก่อเหตุกับผู้บาดเจ็บตั้งแต่ตอนที่โดนในช่วงแรกๆ ไม่จำเป็นต้องทนมานานกว่า 2-3 เดือน ส่วนความขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องวงแชร์ตนเองไม่ทราบในรายละเอียดมากนัก ทราบแต่ว่าน้องชายต้องการเปียแชร์รอบนี้ในจำนวนเงิน 20,000 บาท เพื่อนำเงินดังกล่าวมาจ่ายค่ารถฮอนด้า แจ๊ซ สีเหลือง ที่ซื้อต่อมาจากนายโย่งที่เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันกับผู้เสียหาย โดยก่อนหน้ามีการตกลงกันซื้อขายรถคันดังกล่าวในวงเงิน 300,000 บาท และทางน้องชายได้มีการจ่ายเงินไปจำนวน 280,000 บาทแล้ว และขาดเงินก้อนสุดท้ายอีก 20,000 บาท จึงมีความต้องการเปียแชร์ก้อนดังกล่าวมาเพื่อเคลียร์ค่ารถ แต่ทราบมาเพียงเล็กน้อยว่าเท้าแชร์มีการให้เปียใหม่ซ้ำ ทำให้น้องชายตนเองไม่ได้ ส่วนรายละเอียดตนเองไม่ทราบ