จากกรณี นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี พ่อค้าขายอาการตามสั่ง ร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจาก นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม โดยอ้างว่า ภรรยาสาวคือ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ซึ่งใช้ชีวิตสามีภรรยากันกว่า 13 ปี และมีลูกด้วยกัน 3 คน เกิดความไม่พอใจที่ตนมีฐานะทางการเงินไม่ดี กระทั่ง จู่ ๆ ก็ไปคบชู้ ก่อนจะหอบลูกไปอยู่บ้านชายชู้ด้วย ซ้ำร้ายกว่านั้นยังแจ้งตำรวจจับตนฐานขโมยกางเกงในฝ่ายภรรยา ทำให้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

สุดช้ำใจ! เมียหอบเสื้อผ้าพาลูกไปอยู่กับชู้ แถมแจ้งจับผัวขโมยกางเกงใน

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.บี ภรรยาของ นายเอ ว่าได้เลิกกับ นายเอ อดีตสามีนานานกว่า 5-6 เดือนแล้ว ส่วนที่ว่าตนไปคบชู้นั้นไม่เป็นความจริงเพราะ นายน้อย (นามสมมุติ) เป็นชายพิการไม่สามารถขยับได้ตั้งแต่คอไปจนถึงด้านล่าง ทำให้ในชีวิตประจำวันต้องมีคนคอยช่วยเหลือตลอดเวลา ที่ผ่านมาตนและนายน้อยต่างเข้าอกเข้าใจกัน นับถือกันเป็นพี่น้องเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรตามที่อดีตสามีกล่าวหา ที่ผ่านมาถูกอดีตสามีตามคุกคามชีวิตมาโดยตลอด ไม่ว่าจะกระโดดขึ้นหน้ารถ กระทืบกระจกหน้ารถ ด่าทอต่อหน้าสาธารณชนด้วยคำหยาบคาย ประจานตน และยืนยันไม่ถอนแจ้งความฐานลักทรัพย์ ส่วนเรื่องรถตนเป็นคนผ่อนงวดรถมาตลอด ถึงจะมีการรีไฟแนนซ์ตนก็ยังเป็นคนผ่อนชำระเองเหมือนเดิม

ในส่วนของเรื่องลูก เป็นสิทธิขาดของแม่เนื่องจากตนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเขา ตอนที่ตนเลี้ยงลูกเองทั้ง 3 คน ตนไม่เคยกีดกันเขา ไม่เคยกีดกันแม่สามีไม่ให้มาหาลูก แต่พอตอนนี้สามีเอาลูกคนเล็กไปซึ่งไม่ให้ตนเจอเลย ไม่ให้โทรฯหา ไม่ให้ติดต่อ ตนมองว่าสิ่งที่เขาทำตรงนี้มันเกินไป คนเป็นแม่ที่อุ้มท้องมาและเลี้ยงลูกเอง มันก็เจ็บปวด แต่ตนไม่รู้จะทำยังไงที่จะไปเอาลูกมา จะไปทะเลาะหรือทำอะไรแบบที่สามีทำตนคงไม่ทำ ได้แต่รอว่าถ้าวันหนึ่งคดีมันดำเนินไปจนสุดทาง ตนมีโอกาสได้ฟ้องเอาลูกคืนมาตนก็จะทำ ถึงต่อให้ลำบากแต่ลูกคือหัวใจของตน

น.ส.บี เวลาที่ผ่านมาสามีตน ไม่เคยรับผิดชอบค่าเทอมลูก ลูกคนโตเรียนจบ ป.6 จะไปต่อ ม.1 ไปต่อไม่ได้เพราะติดค่าเทอม เขาก็ไม่หามาจ่าย ตนต้องไปยืมเงินน้องชายมาจ่ายค่าเทอมให้ลูก ต้องจ่ายเกือบ 30,000 บาท เพื่อให้ลูกไปได้เรียนต่อโรงเรียนใหม่ ไปสมัครเรียนใหม่สามีก็ไม่มีเงินจ่าย ตนก็ยืมน้องชายมาจ่ายค่าเทอมให้ลูกอีก ลูกคนกลางค่าเทอมก็ยังติดอยู่ ซึ่งสามีเขาไม่ได้รับผิดชอบอะไร เหนือสิ่งอื่นใดการปฏิบัติต่อลูกเขาไม่ใช่พ่อที่ดี ดุได้ตีได้ แต่การทำร้ายจิตใจลูกด้วยคำพูดที่หยาบคาย มันเกินไปตนก็รับไม่ได้ บางครั้งตนเคยคุยว่าเขาควรแก้ไขตรงนี้ คุยครั้งแล้วครั้งเล่าสามีก็ยังเหมือนเดิม ตนไม่อยากให้ลูกมีปัญหาหรือเติบโตมาแล้วได้รับความรู้สึกที่รุนแรง ตนมองว่าลูกโตไปจะมีปัญหา ขณะที่เขาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง ส่วนเรื่องรถที่เรามีกันคันแรก เขาก็เอาไปจำนำในบ่อน 70,000 บาท จนตนถูกไฟแนนซ์ตามทวงหนี้ จนถึงทุกวันนี้ในฐานะที่ตนเป็นคนค้ำประกัน

ด้าน นายน้อย ชายพิการนั่งรถวีลแชร์ เพื่อนชายคนสนิทของ น.ส.บี เปิดเผยว่า ตนกับ น.ส.บี ไปมาหาสู่และช่วยเหลือกันเพราะรู้จักกันมานานกว่า 9 ปี เพราะไปตัดผมที่ร้านแม่ของฝ่ายหญิง อีกทั้งยังพักอยู่ตึกข้าง ๆ กัน เวลาที่ตนอยากขอความช่วยเหลืออะไรที่ เขาพอจะช่วยได้ก็มาช่วย เช่นไปซื้อกับข้าวมาให้ หรือมีอยู่ครั้งหนึ่งตนไม่สบายถ่ายเป็นเลือด เขาก็มาช่วย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่เคยไปเกินเลยอะไรฝ่ายหญิง เพราะตนพิการมาตลอดตั้งแต่คอลงไปก็อ่อนแรงทำอะไรไม่ได้ แม้จะยอมรับว่ามีความรู้สึกดี ๆ ให้เขาก็ตาม ส่วนที่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ตนคงไม่สามารถตอบได้ แต่ก็อยากให้เขาเคลียร์ปัญหาครอบครัวให้จบ.