เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงสัมภาษณ์ถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ตรงกับวันครบรอบ 8 ปี รัฐประหาร 22 พ.ค.57 ว่า ตนเห็นปรากฏการณ์ 2 อย่าง จากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ หนึ่งคือคน กทม.มีความตื่นเต้นกันมาก เริ่มตั้งแต่บรรยากาศการหาเสียงที่มีความคึกคัก การมีตัวแทนผู้สมัครฯ ผู้ว่าฯ กทม.จากหลายพรรคหลายสังกัด การออกนโยบายต่างๆ รวมถึงการตื่นตัวของสื่อมวลชน นี่คือบรรยากาศประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่เราอยากได้มานาน ซึ่งต้องอยู่กับสภาวะที่ไม่เคยได้สิ่งเหล่านี้มาถึง 8 ปี และสองคือการเลือกตั้งรอบนี้เป็นการเลือกตั้งสนามเล็ก ซึ่งหากเกิดการเลือกตั้งในลักษณะเดียวกันนี้ทั่วประเทศ สังคมไทยจะมีความตื่นเต้นมากกว่านี้แน่นอน เช่น อาจจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันยังไม่เกิดบรรยากาศแบบข้อสอง 

ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่ารู้สึกดีที่ได้เลือกตั้งที่ได้เลือกตั้งในรอบ 9 ปี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บอกว่ารู้สึกเฉยๆ นั้น ตนคิดว่าคนที่ทำให้เราไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้ สุดท้ายคือการรัฐประหาร ทั้งที่ความจริง กทม. สามารถจัดการเลือกตั้งได้เร็วกว่านี้ ถ้าไม่มีการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 คนไทยจะได้โอกาสเลือกคนที่ไปเป็นตัวแทนก่อนหน้าได้นานแล้ว ไม่ต้องจมอยู่กับผู้ว่าฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ที่มาจากใช้อำนาจแทนพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งจะเกิดนวัตกรรมการแข่งขันต่างๆ ที่จะส่งผลดีต่อประชาชนมากที่สุด จึงน่าเสียดายที่เราต้องรอคอยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถึง 9 ปี อีกสิ่งหนึ่งที่ประชาชนกำลังรอคอยอยู่คือ การเลือกตั้งใหญ่เพื่อเลือกคนที่จะเข้าไปใช้อำนาจแทนประชาชนในการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ คืนอำนาจให้ประชาชนโดยการยุบสภาและจัดให้เลือกตั้งใหญ่ จะทำให้เกิดความรู้สึกดีแผ่ซ่านไปทั่วทั้งประเทศเช่นกัน
   
นายรังสิมันต์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ว่าขณะนี้พรรคก้าวไกลกำลังเตรียมการอย่างเข้มข้น และรับรองได้ว่าการอภิปรายคราวนี้ จะเข้มข้นเช่นกัน โดยเราจะเสนอว่างบประมาณที่ควรจะเป็นอย่างไร จะชี้ให้เห็นว่า 1.อะไรคือตัวขัดขวางที่ทำให้การใช้งบประมาณไม่เกิดประโยชน์ หรือไม่ตรงจุดที่เป็นปัญหา และ 2.ทางออกและการใช้งบประมาณอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อที่จะพาประเทศนี้ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น  

เมื่อถามว่าจากการพิจารณางบประมาณของแต่ละกระทรวงๆ ใด มีปัญหามากที่สุด นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ความจริงพบว่ามีหลายกระทรวงที่มีปัญหา เพราะการทำงบประมาณปีนี้ไม่ได้มีความแตกต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก สำหรับกระทรวงที่มีปัญหาอย่างชัดเจน คือ กระทรวงกลาโหม ซึ่งถูกตั้งคำถามว่า ใช้งบประมาณอย่างเหมาะสมหรือไม่กับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ประชาชนกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้อง ซึ่งจะมีข้อมูลอะไรใหม่หรือไม่ ให้รอฟังการอภิปรายของนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งกำลังขุดคุ้ยข้อมูล