ทีมตำรวจในหน่วยสะสางคดีที่ปิดไม่ลงและตามหาคนหายร่วมกับสำนักงานอัยการรัฐเทกซัส ออกแถลงการณ์ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มิ.ย. เกี่ยวกับคดีสังหารโหดคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเมื่อ 40 ปีก่อน และลูกสาวคนเดียวของพวกเขาได้หายตัวไปหลังจากนั้น

ฮอลลี มารี เคลาส์ ยังคงเป็นเด็กทารกอยู่ ณ เวลาที่เกิดเหตุฆาตกรรม ดีน และ ทีน่า ลินน์ เคลาส์ พ่อแม่ของเธอ โดยสองสามีภรรยาโดนสังหารอย่างโหดเหี้ยมในพื้นที่ชนบทของตัวเมืองฮูสตัน เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2524 

เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจาก 3 รัฐ รวมถึงทีมสืบสวนจากรัฐเทกซัส ร่วมกันตามสืบจนพบตัวอดีตหนูน้อย ซึ่งได้รับการตั้งชื่อเล่นให้ว่า ‘เบบี้ฮอลลี’ ปัจจุบัน เธอเป็นหญิงสาววัย 42 ปี

ดอนนา คาซาซานตา ผู้เป็นยายของ ‘เบบี้ ฮอลลี’ กล่าวในแถลงการณ์ว่า เธอเฝ้าสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้ามากว่า 40 ปี และในที่สุดพระองค์ก็มอบคำตอบให้ 

ในระหว่างงานแถลงข่าวสื่อมวลชนที่เมืองออสติน เมื่อบ่ายวันที่ 9 มิ.ย. 2565 เบรนท์ เว็บสเตอร์ ผู้ช่วยอัยการ กล่าวว่า ศูนย์คนหายแห่งชาติจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการพา ฮอลลี เคลาส์ และครอบครัวมาพบกัน ซึ่งคาดว่าจะมีกำหนดการเร็ว ๆ นี้

สองสามีภรรยาสกุลเคลาส์ เป็นคู่รักที่ยังอายุน้อย พวกเขาแต่งงานในเดือน มิ.ย. ปี 2522 เมื่อตอนที่ทั้งคู่หายตัวไปนั้น ดีน เพิ่งอายุได้ 22 ปี ส่วน ทีน่า เพิ่งอายุได้ 18 ปี 

ในเดือน ม.ค. ปี 2524 สุนัขตัวหนึ่งเข้าไปในป่า แล้วกลับออกมาพร้อมกับคาบแขนมนุษย์ข้างหนึ่งมาด้วย 

เวลาผ่านไปหลายปี โดยที่คดีคนหายแทบไม่มีความคืบหน้า และไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ของศพ จนกระทั่งถึงปี  2554 มีหน่วยงานการระบุอัตลักษณ์นานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมเพื่องานของการรักษากฎหมาย เข้ามารับช่วงคดี และสามารถใช้วิธีการตรวจสอบและเทียบเคียงดีเอ็นเอจนพบศพของสองสามีภรรยา

ทีมสืบสวนเชื่อว่า พวกเขาโดนฆาตกรรมหลังจากที่พักอาศัยอยู่ในเมืองลูอิสวิลล์ รัฐเทกซัส มาได้ระยะหนึ่ง

พวกเขายังสืบพบอีกว่า ลูกสาวเพียงคนเดียวของ ดีน และ ทีน่า ยังคงมีชีวิตอยู่ในรัฐโอคลาโฮมา กับครอบครัวบุญธรรม และทางหน่วยงานเพิ่งแจ้งให้ ฮอลลี เคลาส์ ทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ ส่วนครอบครัวที่รับเลี้ยงดูเธอนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมแต่อย่างใด

ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยในเวลาต่อมา มีผู้นำตัว ฮอลลี เคลาส์ มาทิ้งไว้ที่โบสถ์ในแอริโซนา ซึ่งรับเธอไว้ในความดูแล ทีมสืบสวนพบว่าผู้ที่นำเด็กน้อยมาทิ้งไว้เป็นผู้หญิง 2 คน พวกเธอสวมชุดขาวและเท้าเปล่า เป็นสมาชิกของกลุ่มศาสนาเร่ร่อนกลุ่มหนึ่ง คนเหล่านี้จะแบ่งแยกสมาชิกชาย-หญิงอย่างชัดเจน ไม่ใช้เครื่องอุปโภคที่ทำจากหนังสัตว์และเป็นนักมังสวิรัติ นอกจากนี้พวกเธอยังบอกว่า เคยนำตัวเด็กน้อยไปทิ้งไว้ที่ร้านบริการซักรีดมาแล้ว

เจ้าหน้าที่สืบสวนเชื่อว่าผู้หญิงทั้งสองคนและกลุ่มของเธอออกเดินทางไปทั่วบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงรัฐแอริโซนา แคลิฟอร์เนีย และเทกซัส ราวเดือน ม.ค. 2524 ครอบครัวของเคลาส์ ก็ได้รับโทรศัพท์จากหญิงลึกลับจากลาสเวกัส แจ้งว่าต้องการคืนรถยนต์ของสองสามีภรรยาให้ครอบครัว แล้วยังบอกด้วยว่าทั้งคู่ได้เข้าร่วมกลุ่มศาสนาของพวกเธอแล้ว และไม่ต้องการติดต่อกับครอบครัวเดิมอีกต่อไป

หญิงคนนั้นเรียกร้องเงินเป็นการแลกเปลี่ยนกับรถ ซึ่งทางครอบครัวตอบตกลงและนัดพบกันที่เมืองเดย์โทนา รัฐฟลอริดา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดักรอและจับกุมหญิงคนดังกล่าวได้สำเร็จ แต่เนื่องจากเป็นคดีที่ตกค้างมานาน จึงไม่มีรายงานเพิ่มเติมจากฝ่ายตำรวจ 

ปัจจุบัน ทีมสืบสวนก็ยังเปิดรับเบาะแสและข้อมูลเกี่ยวกับคดีของสองสามีภรรยาสกุลเคลาส์ รวมถึงการหายตัวไปของ ‘เบบี้ ฮอลลี’ ซึ่งยังคงเป็นคดีที่ปิดไม่ลงจนถึงวันนี้

แหล่งข่าว : usatoday.com

เครดิตภาพ : Facebook/WhereIsHollyMarie