เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ร้านหนังสือก็องดิด เดอะแจมแฟคทอรี่ คลองสาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค พท., นายภูมิธรรม เวชชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรค รวมทั้งแกนนำ นปช. อาทิ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นพ.เหวง โตจิราการ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง ร่วมเปิดตัวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โดยภารกิจแรก คือ การลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ในกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทย บุกศรีสะเกษ ไล่หนู่ ตีงูเห่า” ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เปิดตัวครอบครัวเพื่อไทย เพื่อลดกฎเกณฑ์การปิดกั้นระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชนให้หมดไป ทำให้ประชาชนเข้าใกล้กับเรามากขึ้น เข้าใกล้กับพรรคการเมืองมากขึ้น เพื่อที่จะสื่อสารกับประชาชนว่ามีความทุกข์ยากอย่างไรบ้างสามเดือนที่ผ่านมาพวกเราทำงานหนัก เพื่อที่จะรับรู้ปัญหาของประชาชนจริงๆ และเราได้เสียงตอบรับที่ดีมากจากพี่น้องประชาชนผ่านโครงการครอบครัวเพื่อไทย รับฟังปัญหาประชาชนและเราจะทำให้ครอบครัวเพื่อไทยของเราแข็งแรงมากยิ่งขึ้น เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เราเสียเวลามามากแล้วกับเผด็จการ เราต้องระดมคนที่มีจิตใจประชาธิปไตย รักในประชาธิปไตย กลับมาอยู่ร่วมกันตอนนี้เราล้าหลังมาก เมื่อดูประเทศรอบข้างเราไม่ทันเขาแล้ว

วันนี้รู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมากว่านายณัฐวุฒิ หรือพี่เต้นของพวกเรา จะเป็นอีกหนึ่งแรงสำคัญมากๆ ที่จะทำให้บ้านของเราหลังนี้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น พี่เต้นจะเป็นกำลังสำคัญในการทำให้พี่น้องกลับมาอยู่บ้านของเรา ได้รู้ว่าเราต้องการความเข้มแข็ง เราพูดเรื่องแลนด์สไลด์ในหลายพื้นที่ที่เราไป เพราะเราอยากให้ฝั่งประชาธิปไตยเป็นผู้ชนะ

“ครอบครัวเพื่อไทยรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้รับพี่เต้นเข้ามาในครอบครัว พี่เต้นไม่เพียงแต่รู้จักพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี แต่ยังเข้าใจปัญหาของพี่น้องประชาชนอย่างลึกซึ้ง ขอต้อนรับพี่เต้นกลับบ้านของเรามาเป็น ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยของเรา” น.ส.แพทองธาร กล่าว

จากนั้น นายณัฐวุฒิได้เริ่มต้นร้องเพลงแดงเสรีชน ก่อนกล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับหน้าที่นี้ ตนขอสื่อสารกับผู้ที่ต่อสู้และเสียสละ เจ็บปวดบอบช้ำถูกประณามเหยียบย่ำมา 10 กว่าปี แต่คนเหล่านั้นก็ยังคงยืนยันหลักการที่ถูกต้อง ประเทศนี้ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง นี่ไม่ใช่เวทีเสื้อแดงแต่เป็นเวทีของครอบครัวเพื่อไทย ที่จะเดินหน้าทำงานคู่ขนานไปกับพรรค พท. ต่อสู้ในทางการเมือง ต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง ช่วงชิงอำนาจรัฐบาลเผด็จการกลับคืนสู่รัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน ภารกิจนี้เป็นเรื่องยาก เราทำกันไม่แต่เพียงเฉพาะสมาชิกพรรค พท. หรือครอบครัวเพื่อไทย หรือเพียงคนเสื้อแดงเท่านั้น เราต้องปิดประตูทุกบาน เปิดทุกประตูหัวใจ ยื่นมือให้สุดแขนเหยียดไปทุกมุมของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ กลุ่มอาชีพ กลุ่มผู้คนที่ทุกข์ยาก กลุ่มความเชื่อ กลุ่มวิถีชีวิตใหม่ รวมเป็นคนไทยทุกคน เป็นพันธสัญญาที่เราจะยืนยันร่วมกันตรงนี้ว่า ไม่มีเวลาให้กับรัฐบาลสืบทอดเผด็จการชุดนี้อีกต่อไป ประเทศไทยไม่เหลืออะไรให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม และพรรคพวกกัดกินได้อีกต่อไป

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าเหตุใดต้องเป็นครอบครัวเพื่อไทยนั้น ตนเป็นนักการเมืองมา 10 กว่าปี สังกัดมาแล้วหลายพรรค แต่ละพรรคที่ตนสังกัดและเปลี่ยนแปลงไม่ใช่โยกย้ายด้วยการขายตัว แต่เพราะการกระทำจากอำนาจเผด็จการด้วยกติกาฉ้อฉล ทำให้คนอย่างพวกเราต้องดิ้นรนต่อสู้ ตลอดเวลาที่อยู่ในพรรค พท.ตนมีทั้งวันชื่นและขื่นขม มีทั้งที่ถูกและผิดต่อกัน มีความทรงจำ มีความไม่เข้าใจ มีความรู้สึกต่างๆ มากมายตลอดเวลา 10 ปี แต่ถึงอย่างไรที่นี่คือบ้าน ตนเกิดและโตที่นี่ ทุกครั้งเมื่อมองเข้าไปในพรรค พท.ตนเห็นคนหลายคนที่ตนรักและเห็นคนอีกหลายคนที่รักตน เห็นพี่เพื่อนน้องที่สู้มาด้วยกัน เห็นคนที่เคยร้องไห้มาด้วยกัน เคยถูกไล่ยิงไล่ฆ่าบนถนนมาด้วยกัน

เรามีภารกิจร่วมกันกับคนไทยทั้งประเทศ คือ ต้องเอาชนะรัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการชุดนี้ หยุดความเพ้อฝันของ พล.อ.ประยุทธ์และพวกลงตรงนี้ แล้วคืนความฝันที่เป็นจริงให้กับประชาชนคนไทยให้มีรัฐบาลที่มีศักยภาพมีความสามารถมีประสบการณ์แก้ไขปัญหาได้ดี เราจะทำอย่างนั้นได้มีทางเดียว คือต้องชนะเลือกตั้ง แต่ด้วยกติกาอัปยศนี้ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอ พรรคเพื่อไทยมาเป็นอันดับหนึ่งแต่พรรคพลังประชารัฐใช้คะแนน ส.ว.250 คนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เลือกให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้ง โหวต พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ดังนั้นการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจึงจำเป็นต้องมีพรรคใดพรรคหนึ่งในฝ่ายประชาธิปไตยคว้าชัยชนะให้เด็ดขาด ได้คะแนนเสียงเป็นจำนวนมาก ได้คะแนนเสียงเกินครึ่งในสภาฯ แลนด์สไลด์เพื่อขับไล่เผด็จการออกไปให้กลับมาตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยได้

คำถามคือเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งมี 250 ส.ว.ต้องการอีก 126 เสียง สามารถตั้งนายกฯ ได้ แต่ในมิติทางการเมืองมันมีพรรคหนึ่งต้องได้เกิน 250 เสียงก่อน ให้มันเห็นชัดว่าประชาชนลงฉันทามติเลือกพรรคการเมืองหนึ่งแลนด์สไลด์เกินครึ่ง ถึงวันนั้นชื่อว่า ส.ว.ซึ่งมีโอกาสเลือกนายกฯ อีกเพียงปีเดียว จะถูกเรียกร้องทวงถามจากพลังของประชาชนทั้งประเทศ ให้เคารพการตัดสินใจคนส่วนใหญ่ แน่นอนที่สุดในทางการเมืองไม่มีอะไรตายตัว แต่ถ้าไม่กล้าคิดไม่กล้าทำ มันก็จะไม่มีวันสำเร็จเช่นเดียวกัน ดังนั้นตนเดินเข้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลในทางการเมือง เชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ถ้าจะมีพรรคการเมืองประชาธิปไตยพรรคใดได้คะแนนเสียงสูงสุด ชนะขาดหรือเกินครึ่งหรือแลนด์สไลด์พรรคการเมืองนั้นต้องเป็นพรรคเพื่อไทยเพราะเขาเคยทำให้เห็นแล้ว 2 ครั้ง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนจะทุ่มเททุกความคิด ทุกกำลังความสามารถที่มี เพื่อภารกิจครอบครัวเพื่อไทยตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าชัยขนะเป็นของประชาชน ถามว่าตนจะพาคนเสื้อแดงกลับบ้าน แต่ภารกิจของตนนั้นคือ ถ้าพี่น้องที่ต่อสู้กอดคอร่วมอุดมการณ์ จะไปร่วมพรรคการเมืองอื่นๆ แล้ว เราเคารพการตัดสินใจกัน วันหนึ่งถ้าเขาบอกว่าอยากกลับมาเคียงข้างกับพรรค พท. อกนี้อ้อมกอดนี้เปิดรับพี่น้องอยู่ตลอดเวลา แต่หากพี่น้องเราบอกว่า เรามีความรักปักใจพรรคการเมืองในแนวทางประชาธิปไตยและไม่ร่วมงานพรรค พท. หัวใจดวงนี้เคารพส่งความปรารถนาดีให้ จิตวิญญาณเสื้อแดงไม่ว่ายืนมุมไหนของฝ่ายประชาธิปไตยเราคือพี่น้องกัน ถ้ายืนตรงข้ามยอมกายใจรับใช้เผด็จการไม่กลับมาก็ขอไปให้ไกลที่สุด เมื่ออยู่ตรงข้ามหลักการประชาธิปไตยอย่าเรียกตัวเองว่าเป็นคนเสื้อแดงอีกต่อไป

ถามว่าเป็น ผอ.พรรค ตอนอายุเยอะแล้ว มาเป็นลูกน้องอุ๊งอิ๊งได้อย่างไร ตนไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ไม่รู้สึกว่าเป็นลูกน้อง แต่ตนเดินเข้ามาที่นี่เพราะทำงานร่วมกันสู้ด้วยกัน เคียงข้างกันเพื่อทำภารกิจสำเร็จให้ได้ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมีบทบาทหน้าที่เต็มสองบ่า ตนมีหน้าที่เต็มสองบ่าด้วยกัน แต่สองบ่าไม่เพียงพอ เราต้องการบ่าทุกคนสนับสนุนพรรคพท. เดินหน้าทำงานกับหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย 100% โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ส่วนจะอยู่ถึงเมื่อไรนั้น นี่คือบ้าน ตนเลือกเดินกับพรรคพท. เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเพื่อไทยจนสุดทาง ตราบใดพรรคพท.เดินเส้นทางและหลักการประชาธิปไตยตนจะเดินร่วมทางแบบนี้ แม้วันหนึ่งพรรคพท.เปลี่ยนเส้นทางขัดต่อหลักการประชาธิปไตย ก็ถือว่าสุดทางรัก ปล่อยมือแยกทางที่ตรงนั้น

“ผมรักเคารพศรัทธา อดีตนายกฯ ทักษิณ ผมเอาใจช่วย ส่งกำลังใจคาดหวังว่าวันหนึ่งแผ่นดินไทยจะได้ใช้ศักยภาพระดับโลกของชายคนนี้มาแก้ปัญหาให้กับประชาชน มาทำให้คนไทยหายจน หายอดหายอยาก ปลดแอกผู้คนจากอำนาจฉ้อฉลไร้สติปัญญาที่เป็นมา 8 ปี ไม่ว่าบทบาทใดก็ตามที่เป็นฉันทามติของประชาชนก็หวังใจรอคอยศักยภาพของชายชื่อทักษิณ ชินวัตร ถ้าพูดว่านายณัฐวุฒิเป็นลูกน้องนายทักษิณ ผมก็ชี้แจงว่า จริง เพียงแต่ในหลักการเดียวกันตราบเท่าที่นายทักษิณยังคงยืนกับประชาชน ยืนอยู่หลักการประชาธิปไตย ถ้าพรรคนี้หรือครอบครัวนี้ หอบผ้าหอบผ่อนย้ายข้าง ป่านนี้ชีวิตของคนในพรรค และคนในครอบครัวอาจจะไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวน มานั่งเอาใจช่วยลูกสาวคนเล็กว่าจะเจอชะตากรรมแบบไหน สมมุติมีการเปลี่ยนเส้นทางแนวทางจากหลักการประชาธิปไตยโดยนายทักษิณดำเนินการ ผมก็จะยืนตรงข้ามและสู้กับทักษิณ” นายณัฐวุฒิกล่าว

สำหรับภารกิจแรกนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จะพานายณัฐวุฒิลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 18 มิ.ย. เพื่อไล่หนูตีงูเห่า ตนจะพา ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยไปหาพี่น้องชาวศรีสะเกษ แม้ว่าในพื้นที่จะมี ส.ส. เป็นงูเห่าไปแล้ว ก็หวังจะแลนด์สไลด์ในพื้นที่ศรีสะเกษ 

ส่วนณัฐวุฒิย้ำว่า ตนพร้อมทำงานทันที เพราะการทำงานการเมืองในทุกพื้นที่ไม่มีอะไรง่าย มีความซับซ้อนในแต่ละสถานการณ์ โดยเฉพาะที่ศรีสะเกษ เราก็พร้อมเดินหน้าเข้าหาประชาชน เล่าข้อเท็จจริง เชิญชวนประชาชนเคียงข้างพรรค พท.ต่อไป เป้าหมายยกศรีสะเกษทั้งจังหวัด หรือแลนด์สไลด์ ซึ่งไม่ใช่เป้าหมายที่เกินจริง แต่เป็นเป้าหมายที่เราเคยทำได้มาแล้ว 

เมื่อถามว่ามั่นใจเรื่อง ส.ส.ที่จะไม่กลายเป็นงูเห่าอีก นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส.ส.ทุกคนเป็นมนุษย์ วันนี้หัวใจเป็นแบบนี้ วันต่อไปเงื่อนไขเปลี่ยน เขาอาจเปลี่ยนการตัดสินใจได้ สำคัญคือพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรค พท. ต้องยืนยันหลักการที่ชัดเจนได้ ผู้คนเปลี่ยนหัวใจได้ แต่พรรคการเมืองต้องมีหลักการที่ชัดเจนแน่นอน ที่ผ่านมาพรรค พท.ก็ยังยืนอยู่ในหลักการเดิม และเราจะย้ำให้ประชาชนได้เห็นอีกครั้ง.