เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 19 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเพียบ นาคคำ ครูชำนาญการพิเศษ ร.ร.บ้านสามเส้า อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำหน้าที่คนกลาง พา นายรินทร์ณรงค์ คำศรีเมือง อายุ 48 ปี และญาติๆ ฝ่ายภรรยาของนายรินทร์ณรงค์ ประกอบด้วย นายสมัย ภาระ อายุ 75 ปี พ่อของภรรยา และ น.ส.สุธิดา ภาระ อายุ 38 ปี น้องสาวภรรยา เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่า นางวิไลลักษณ์ คำศรีเมือง หรือ ครูอ้อย อายุ 45 ปี ครูพี่เลี้ยงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ร.ร.บ้านโนนหนองสิม หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา นานเกือบ 20 วันแล้ว โดยไม่ทราบว่าหายไปที่ไหน

ในวันแรกที่หายตัวไป น.ส.สุธิดา หรือ หมวย น้องสาวของครูอ้อยสามารถโทรศัพท์ติดต่อครูอ้อยได้ จากนั้นได้เงียบหายไปไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย นายรินทร์ณรงค์ จึงได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ดลวัตร ยืนยง สว.(สอบสวน) สภ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ไว้เป็นหลักฐานเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้นำเอารูปภาพของครูอ้อยภรรยาสุดที่รักมากอดไว้แนบอกด้วยอาการเศร้าสร้อย เพราะห่วงใยครูอ้อยเกรงว่าอาจจะได้รับอันตราย

ทั้งนี้ นายรินทร์ณรงค์ กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. เวลาประมาณ 10.30 น. ตนได้บอกกับนางวิไลลักษณ์ ภรรยาว่า จะเดินทางไปทำงานอยู่ที่บ้านหนองก่อไร่ ต.โพธิ์ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ แต่เมื่อไปถึงบ้านหนองก่อไร่ปรากฏว่ากระแสไฟฟ้าตกจึงไม่สามารถทำงานได้ ทำให้เดินทางกลับมาที่บ้านพัก เพื่อจะขี่รถจยย.พ่วงข้างนำเครื่องมือกลับไปทำงานที่บ้านหนองก่อไร่อีกครั้ง

โดยก่อนจะเดินทางกลับไปทำงานที่บ้านหนองก่อไร่ ได้ขี่รถจยย.ไปหานางวิไลลักษณ์ที่ศูนย์เด็กเล็ก และได้รับทราบจากเพื่อนร่วมงานว่านางวิไลลักษณ์ได้เดินทางไปหาหมอ ตนจึงโทรศัพท์ไปยังโทรศัพท์มือถือของนางวิไลลักษณ์ แต่นางวิไลลักษณ์ไม่ยอมรับสาย แต่ตนได้รับทราบจากเพื่อนร่วมงานของนางวิไลลักษณ์ว่าสามารถโทรติดต่อกับนางวิไลลักษณ์ได้ และทราบว่านางวิไลลักษณ์เดินทางไปที่ตัวเมืองศรีสะเกษ

ต่อมาตนได้ทราบจากชาวบ้านว่าได้มีรถแท็กซี่ไม่ทราบทะเบียนแล่นเข้าไปรับนางวิไลลักษณ์ที่ศูนย์เด็กเล็ก จึงได้ออกติดตามสอบถามญาติและเพื่อนของนางวิไลลักษณ์แต่ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็น ต่อมาได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อกับนางวิไลลักษณ์ กระทั่งเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. จึงได้ทราบจาก น.ส.สุทธิดา น้องสาวของภรรยาว่า สามารถโทรศัพท์ติดต่อกับพี่สาวได้แล้ว โดยแจ้งว่าพี่สาวอยู่ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และ น.ส.สุทธิดา ได้โอนเงินให้กับพี่สาวเป็นเงิน 700 บาท และตนได้รับทราบจากนางจินตนา ภาระ น้องสาวของภรรยาอีกคนว่าครูอ้อยได้ขอเงินซื้อโทรศัพท์มือถือ จึงได้โอนเงิน 4,700 บาท ให้กับครูอ้อยด้วย กระทั่งถึงวันนี้ตนและลูกทั้ง 3 คนก็ยังไม่สามารถติดกับภรรยาได้ และไม่ทราบว่าครูอ้อยอยู่ที่ใดเป็นหรือตายอย่างไรก็ยังไม่ทราบ

นายรินทร์ณรงค์ กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าต่อไปว่า ตนไม่เคยห่วงใยผู้หญิงคนไหนเท่ากับภรรยาของตนที่อยู่กินกันมานานกว่า 28 ปี แล้วจนมีลูกด้วยกัน 3 คน ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งตบตีกัน เวลาโมโหกันก็จะร้องเฮ้ยคำเดียวแล้วเดินไปอยู่ในบ้านคนละแห่ง ก่อนหน้านี้ตนทราบจากครูอ้อยว่าจะทำอาชีพเสริมขายของออนไลน์ โดยจะซื้อเครื่องสูบน้ำและเครื่องตัดหญ้ามาขาย อ้างว่าจะมีคนมาออกทุนให้ค้าขายด้วย และการที่ครูอ้อยหายไปในครั้งนี้คาดว่าจะโดนหลอก จึงขอฝากไปถึงครูอ้อยว่าหากไปดีมีความสุขก็ไม่เป็นไร แต่หากว่าไปไม่ไหวก็ให้รีบกลับมาลูกผัวญาติพี่น้องทุกคนยังรออยู่ด้วยความห่วงใย

ด้าน น.ส.สุธิดา น้องสาวของครูอ้อย กล่าวว่าหลังจากครูอ้อยไปแล้วได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่ แล้วได้โทรกลับมาหาตนโดยก่อนที่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ได้คุยกับครูอ้อยว่าจะไปทำไมไปยังไง เชื่อเขาเหรอที่เขาอ้างว่าจะทำให้ร่ำรวยมีเงินทองใช้หนี้สินต่างๆ ให้หมด แต่ส่วนมากพี่สาวของตนจะไม่คุย จะมีแต่ผู้ชายที่พาพี่สาวของตนไปเป็นคนพูดคุยแทน ผู้ชายคนที่พาครูอ้อยพี่สาวของตนไปจะคุยโทรศัพท์กับตนตลอดว่าพี่จะพาอ้อยไปเลี้ยงดูอย่างดี เมื่อจะให้อ้อยกลับมาจะไม่เป็นอ้อยคนเดิม หนี้สินอะไรจะไม่มีเขาพูดไปทำนองแบบนั้นแล้วเขาก็พูดว่าจะพาอ้อยไปเที่ยว ตนคิดว่ามีผู้ชายที่ไหนที่มารู้จักกันเพียงอาทิตย์เดียวแล้วจะพาพี่สาวตนไปเที่ยว จะใช้หนี้สินให้หมดมันเป็นไปไม่ได้ ตนจึงขอคุยกับพี่สาวซึ่งครูอ้อยพี่สาวของตนก็ได้บอกว่าเลือกทางเดินของตนเองแล้ว ตนก็ได้บอกว่าให้คิดดีๆ แต่พี่สาวบอกว่าไม่ต้องร้องไห้กับเขานะ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า ครูอ้อยพี่สาวของตนโดนหลอกลวงไปอย่างแน่นอน

ขณะที่ นายสมัย พ่อของครูอ้อยกล่าวว่า มีความเป็นห่วงลูกสาวของตนมาก อยากให้ลูกสาวของตนรีบกลับมาบ้านมาหาครอบครัว และขอให้รีบกลับมาบ้านโดยด่วนด้วย เพราะว่าพ่อและครอบครัวญาติพี่น้องทุกคนเป็นห่วงมาก.