เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี และพื้นที่ใกล้เคียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้เสียหายจำนวนมากทยอยกันมาแจ้งความเอาผิด น.ส.ปิยะธิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี หลังจากก่อนหน้านี้ได้โพสต์เฟซบุ๊กชักชวนเพื่อนฝูงและคนในโลกออนไลน์ ให้มาร่วมลงทุนออมเงิน “บ้านฟองน้ำ” แล้วจะได้กำไร 5% ต่อ 15 วัน และ 10% ต่อ 30 วัน โดยการลงทุนดังกล่าวทำมานานกว่า 2 ปี จนกระทั่งมีคนหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก 400 ราย เงินลงทุนประมาณกว่า 600 ล้านบาท ภายหลัง น.ส.ปิยะธิดา กลับหนีหายขาดการติดต่อไปดื้อๆ เชื่อว่าน่าจะหอบเงินลงทุนของลูกบ้านหลบหนีไปแล้ว

โดย นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี หนึ่งในผู้เสียหายที่ลงทุน เปิดเผยว่า ตนเองได้ติดตามเฟซบุ๊กและไอจี ของ น.ส.ปิยะธิดา มาประมาณ 2 ปี มีการโพสต์เชิญชวนร่วมลงทุนโดยให้ค่าตอบแทนเป็นกำไร 5 เปอร์เซ็นต์ต่อ 15 วัน และ 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 30 วัน ด้วยความที่มีโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือ มีการโพสต์การทำงานเกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้าง ซื้อขายรถยนต์หรูมือสอง มานานกว่า 2 ปี ทำให้ตนเองไว้ใจ จึงได้โอนเงินร่วมลงทุนไปครั้งแรกประมาณ 3 หมื่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมื่อครบกำหนดตนก็ได้ผลตอบแทนกลับมาจริงถึง 2 ครั้ง ทำให้ตนเองมั่นใจแต่ตนก็หยุดไม่ได้ลงทุนอีก จนถึงสิ้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา นางสาวปิยะธิดา ได้มีการโพสต์ชวนลงทุนอีกครั้ง ครั้งนี้พิเศษให้กำไรตอบแทนร้อยละ 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 15 วัน ตนจึงได้กลับมาลงทุนออมเงินอีกครั้งด้วยเงิน 2 หมื่นบาท ผ่านไปสอง วันนางสาวปิยะธิดาก็ทักมา ส่วนตัวบอกว่ามียอดออมเพิ่มในอัตราส่วนแบ่งกำไรร้อยละ 10 เหมือนเดิม ตนจึงได้ลงเพิ่มไปอีก 35,000 บาท รวมทั้งหมด 55,000 บาท เมื่อครบกำหนดปรากฏว่า นางสาวปิยะธิดา นิ่งหายไม่ตอบไลน์อีกเลย

“…หลังจากที่เขาเงียบหายไป ก็เริ่มมีการโพสต์ถามกันในโซเชียล มีใครเจอแบบนี้บ้าง จนพบว่ามีผู้เสียหายที่โดนลักษณะเดียวกันจำนวนมาก ถึงขนาดต้องไปตั้งกลุ่มไลน์ผู้เสียหายบ้านฟองน้ำขึ้นมา เบื้องต้นมีผู้เสียหายกว่า 400 คน ความเสียหายที่มีการพูดคุยและรวบรวมในกลุ่มประมาณ 600 ล้านบาท เฉลี่ยความเสียหายอยู่ที่ 2 หมื่น ถึง 30 ล้านบาท โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจเป็นคนมีหน้าตาในสังคม ครู หมอ ทนายความ แม่บ้าน แม่ค้าออนไลน์ พอเกิดเรื่อง ก็ไม่ค่อยมีใครอยากจะพูดเพราะอับอาย บางรายไปเอาเงินที่เตรียมแต่งงาน เงินเก็บ เงินจำนองที่ดินที่นา มาลงทุนหวังกำไร ซึ่งคนในครอบครัวไม่รู้ …” น.ส.เอ กล่าว

ด้าน น.ส.บี อายุ 27 ปี เปิดเผยว่า ตนเองและสามีได้นำเงินมาร่วมลงทุนกับ น.ส.ปิยะธิดา ทั้งหมด 15 ล้านบาท แยกเป็นของตัวเอง 11 ล้านบาท ที่เหลือเป็นของคนที่รู้จักเห็นว่าตนลงทุนออมเงินตัวนี้แล้วได้กำไรตอบแทนดี จึงได้ฝากเงินมาร่วมลงทุนด้วย แต่หลังจาก น.ส.ปิยะธิดา หายตัวไปทำให้ตนเองเดือดร้อนหนัก นอกจากต้องเสียเงินไปแล้ว ยังต้องชดใช้เงินให้คนที่ฝากร่วมลงทุนกว่า 3 ล้านบาทนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีผู้เสียหายมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานและดำเนินคดีกับ น.ส.ปิยะธิดา ที่สภ.เมืองอุบลราชธานี กว่า 30 ราย ส่วนท้องที่อื่น ๆ ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดน่าจะกว่า 100 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว และแนะนำให้ผู้เสียทั้งหมดกลับไปเตรียมเอกสารการสนทนา การโอนเงิน หรือเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาพบพนักงงานสอบสวนอีกครั้ง ส่วนตัวของ น.ส.ปิยะธิดา นั้น ล่าสุดทราบว่าได้ไปอยู่นอกพื้นที่แล้ว ในการตามตัวทางพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบปากคำและออกหมายเรียก น.ส.ปิยะธิดา มารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนของกฏหมาย ส่วนจะแจ้งข้อหาใดนั้นต้องแยกพฤติกรรมเป็นเรื่อง ๆ ไป.