เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 8 ก.ย. ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้าประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก เปิดเผยความคืบหน้ากรณีการจับกุม นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ผู้สั่งการให้ นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง ท่าผา ลูกน้อง ก่อเหตุยิงปืนใส่ตำรวจทางหลวง 2 นาย จน พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. บาดเจ็บ โดยจะแบ่งคดีออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.คดียิง สว.ทล. โดย ผบ.ตร. สั่งโอนคดีให้กองปราบปรามเป็นหัวหน้าคณะทำงานสอบสวน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยุติธรรม โดย ผบช.ก. จะเป็นผู้กำกับดูแลในการรวบรวมข้อมูลในสำนวน

ส่วนที่ 2 คือ คดีวิสามัญ หน่อง ท่าผา ผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิตในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จะเป็นหน้าที่ของตำรวจภูธรภาค 7 และส่วนที่ 3 คดีที่ ภ.จว.นครปฐม กรณีตำรวจกระทำผิดตามกฎหมายอาญา ม.157 ซึ่งวันนี้จะสอบปากคำแม่บ้าน เจ้าของร้านโต๊ะจีน และพรุ่งนี้จะสอบปากคำตำรวจ 21-25 นาย ที่อยู่ขณะเกิดเหตุ และตำรวจที่อยู่ภายนอกงานอีก 6-7 นาย เพื่อสืบหาว่าใครเป็นผู้สั่งการให้ยิง หากสอบถามกำนันนกแล้วพบว่าเป็นผู้สั่งการ ก็จะแจ้งอีก 1 ข้อหา คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

นอกจากนี้ ตำรวจกำลังขอหมายค้นเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจของกำนันนก เบื้องต้นยังไม่พบเรื่องยาเสพติดและการพนัน แต่คาดว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจรถบรรทุก เพราะตำรวจหลายนายนอกพื้นที่ แม้กระทั่ง ผกก.สน.พญาไท ที่เคยสังกัดตำรวจทางหลวง ก็เข้าไปร่วมงานเลี้ยงด้วย

ส่วนประเด็นที่หลานกำนันนก บอกว่า มูลเหตุไม่น่าใช่เรื่องของการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะเป็นเรื่องที่จบไปนานแล้วนั้น ส่วนนี้ตำรวจขอเวลาสัก 2-3 วัน ในการตรวจสอบ แต่เชื่อว่ามีเรื่องอื่น อยู่ระหว่างการสอบเพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้ง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า คดีนี้ไม่มีความซับซ้อน เพียงต้องไล่สืบหาข้อมูลที่ถูกทำลายพยานหลักฐานไปว่า ตำรวจเกี่ยวข้องหรือไม่ มีใครที่เกี่ยวข้องและอำนวยความสะดวกให้ เบื้องต้นได้เก็บดีเอ็นเอลายมือผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงข้อมูลทางโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถกู้คืนภาพจากกล้องวงจรปิดที่ถูกลบไปได้ ขอเวลาในการสืบสวนเพิ่มเติมสักพัก แต่ส่วนตัวมองว่ากำนันนกไม่ได้มีความรู้ขนาดนั้น ในเรื่องของเซิร์ฟเวอร์ แต่ต้องดูว่าใครเป็นคนสั่งการอย่างไรบ้าง

ขณะที่วานนี้ได้ซักถามตำรวจบางนายแล้ว พบว่ายังให้การไม่ตรงกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์จะโกหกเมื่อทำผิด หากจับได้ว่าทำผิดก็ต้องดำเนินคดี เหตุการณ์ในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นเสียใจ แต่หากเรื่องนี้ตำรวจไม่มีส่วนรู้เห็นและไปเกี่ยวข้อง ก็จะไม่เกิดขึ้นแต่แรก ส่วนตัวมองว่าตำรวจหลายนายจบมาจากโรงเรียน แต่ต้องมาเดินตามหลังผู้ไม่มีความรู้ ที่ผู้มีอิทธิพลมีความฮึกเหิมเพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยให้ท้าย.