เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงค์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายระวี อักษรศิริ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา สนธิกำลังกับตำรวจ นำหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นสำนักงานขายและบ้านของนายรมย์รวินทร์ (สงวนนามสกุล) ประธานบริษัทคอนโดฯ หรู ในพื้นที่ ต.สันผักหวาน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยการตรวจค้นในครั้งนี้ ไม่พบตัวนายรมย์รวินทร์ พบเพียงหุ้นส่วนและญาติ ที่อยู่ในภายในบ้าน การตรวจค้นในครั้งนี้ เพื่อเป็นการอายัดทรัพย์สิน ที่คาดว่าจะได้มาจากการกระทำผิด

สืบเนื่องมาจากเมื่อราวๆ ปี 2564 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจภูธร สภ.หางดง ว่า ถูกนายรมย์รวินทร์ หลอกลวงชักชวนให้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และผิดสัญญา จนทำให้เกิดมูลค่าความเสียหายจนถึงขณะนี้เกือบ 4 พันล้านบาท จากผู้เสียหายกว่า 100 กว่าราย ใน 14 โครงการ โดยพฤติการณ์ ผู้ลงทุนได้ลงทุนกับโครงการคอนโดฯ หรู ซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดฯ และโรงแรม

โดยที่โครงการยังไม่เริ่มก่อสร้าง แต่ได้จ่ายเงินและทำสัญญาไว้กับทางบริษัท โดยทางบริษัทจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยในธนาคารมากถึงร้อยละ 8 ต่อมาทางบริษัทได้ผิดสัญญา เช่น ส่งมอบล่าช้า รวมถึงหลายโครงการยังสร้างไม่เสร็จตามสัญญา บางโครงการมีเพียงเสาเอกเท่านั้น ทางผู้เสียหายจึงพยายามไกล่เกลี่ยกับทางบริษัทแต่ยังไม่มีการตอบรับ จึงรวมตัวกันไปร้องเรียนต่อ DSI เพื่อให้เป็นคดีพิเศษ จนนำมาซึ่งการตรวจค้นในวันนี้

นายไตรยฤทธิ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า คดีที่เกิดขึ้น ทางเราได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง รอที่จะมาให้ถ้อยคำอีกจำนวนมาก ทำให้เราต้องทำการสืบสวนขยายผลดูว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็พบว่า มันมีลักษณะบางอย่าง ที่อาจจะเข้าใจได้ว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชน จึงตั้งเป็นเรื่องสืบสวน โดยทำการสืบสวนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนกระทั่งพบข้อมูลพอสมควรว่ามีอยู่ 14 โครงการ ด้วยประมาณที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไป ก็มีบางโครงการบางโครงการก็สร้างยังไม่แล้วเสร็จ หรือเพิ่งเริ่มก่อสร้างไปเล็กน้อย ทำให้ไม่เป็นไปตามสัญญาที่บริษัทให้ไว้กับผู้ลงทุนซึ่งก็มีลูกค้าอยู่ประมาณ 2,000 กว่าราย

โดยกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็เลยมาร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องการฉ้อโกง และการให้เงินปันผลสูงกว่าดอกเบี้ยปกติกว่าธนาคาร 8 เปอร์เซ็นต์ แรกๆ ก็ให้ผลตอบแทนดี แต่พอปี 2563 ก็เริ่มที่จะไม่ให้ผลตอบแทนตามสัญญา ก็เลยถูกมองว่าตัวเองถูกหลอกหรือเปล่า ทั้งนี้เราต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริษัทเอง เขาก็พยายามทำตรงนี้ให้ไปต่อได้ เป็นไปตามสัญญากับลูกค้าแต่ช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ จึงไม่สามารถก่อสร้างได้ แต่เราต้องตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งมูลค่าความเสียหายที่ผู้ร้องๆไว้นั้นมีทั้งหมดกว่า 4 พันล้าน เพราะมีคนนำเงินมาลงทุนเยอะเป็นหลักร้อยล้าน มีทุกสาขาอาชีพ ผู้ลงทุนบางรายก็ยังเชื่อมั่นว่า ที่นี้ให้ผลตอบแทนและสามารถไปต่อได้ เพียงแต่เจอภาวะเศรษฐกิจ

ดังนั้นหน้าที่เราเมื่อตรวจสอบแล้วต้องยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน เพื่อจะทำให้ผู้เสียหายมีความมั่นใจว่า หากเป็นการฉ้อโกงตามที่เขาสงสัยจริง แล้วเราตรวจพิสูจน์ได้ชัดว่าเป็นฐานความผิดนั้น ก็ต้องเฉลี่ยทรัพย์คืน โดยให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพย์  โดยคืนทรัพย์ให้กับผู้เสียหาย ส่วนทรัพย์ที่อายัดไว้นั้น 14 โครงการ คือที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง บ้านและรถเก๋งและรถหรู เรายึดอายัดทางทะเบียน ซึ่งตรวจสอบมูลค่าที่เราอายัดไว้วันนี้ก็ราวๆ 1,200 ล้านบาท และจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบมีการกระทำผิดจริง เตรียมแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน.