เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เจ้าของฉายา ทนายกระดูกเหล็ก โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” นัดวันที่ 6 มิ.ย.เตรียมเดินทางไปกระทรวงมหาดไทย ยื่นเพิกถอน สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ตามที่เคยลั่นวาจาไว้ มีรายละเอียดดังนี้

#ศรีสุวรรณฯ น้องชาย #พระอภัยมณี

ร้องทุกอย่างตั้งแต่ “ไม้จิ้มฟัน ยันเรือรบ”
วันที่ 6 มิถุนายน 2565 เวลา 14.00 น. ณ กระทรวงมหาดไทย
ผมในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส จะยื่นหนังสือถึง อธิบดีกรมการปกครอง เพิกถอน สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ตามที่เคยลั่นวาจาไว้

เหตุที่ผมล่าช้า เพราะผมมีงานด้านคดีความที่จะต้องทำตามหน้าที่เป็นจำนวนมาก ไม่มีเวลาจริงๆ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ แต่เอกสารหลักฐานพร้อมแล้วครับ
หยุดยาว 3 วันเที่ยวให้สบายใจน่ะครับ วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 ฟังข่าวดี
แล้วเจอกันน่ะศรีสุรรณ

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช
(ทนายกระดูกเหล็ก)

ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช”

.

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หากย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ก.ย.64 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เคยมอบอำนาจให้ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ฟ้องคดีหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท ต่อนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย หลังยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้สอบสวนจริยธรรมร้ายแรงนั้น

จากนั้นทนายอนันต์ชัยได้ออกมาระบุถึงการเริ่มกระบวนการตรวจสอบและเพิกถอนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยมีการกล่าวถึงหลักเกณฑ์การขอให้เพิกถอนสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 ลักษณะ 2 หมวด 2 ส่วนที่ 2 สมาคม มาตรา 102 บัญญัติว่า ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ในกรณีดังต่อไปนี้

1.เมื่อปรากฏในภายหลังการจดทะเบียนว่า วัตถุประสงค์ของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ และนายทะเบียนได้สั่งให้แก้ไขแล้วแต่สมาคมไม่ปฏิบัติตามภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนด

2.เมื่อปรากฏว่าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ

3.มาตรา 104 เมื่อมีกรณีตามมาตรา 102 ผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ ถ้านายทะเบียนไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอโดยไม่แจ้งเหตุผลให้ผู้ร้องขอทราบภายในเวลาอันสมควร หรือนายทะเบียนได้แจ้งเหตุผลให้ทราบแล้วแต่ผู้ร้องขอไม่พอใจในเหตุผลดังกล่าว ผู้ร้องขอนั้นจะร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกสมาคมนั้นเสียก็ได้

มาตรา 101 สมาคมย่อมเลิกด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดดังต่อไปนี้ (1)…(6) เมื่อนายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนตามมาตรา 102 (7) เมื่อศาลสั่งให้เลิกตามมาตรา 104 ดังนั้นหากนายทะเบียนเห็นว่า วัตถุประสงค์ของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อาจเป็นภัยต่อความสงบสุขของประชาชนตามมาตรา 102 (1) หรือเมื่อปรากฏว่าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน ตามมาตรา 102 (2) นายทะเบียนมีอำนาจสั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ หรือผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ หากนายทะเบียนไม่ปฏิบัติตาม ผู้ร้องสามารถร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกสมาคมได้

ซึ่งในขณะนั้น ทนายอนันต์ชัยยังระบุอีกว่า “นี่คือบทอวสานของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มีวัตถุประสงค์ 8 ข้อ เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ผม และท่าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อ่านหลายรอบแล้ว ไม่มีวัตถุประสงค์เรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด ท่าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส จึงมอบอำนาจให้ผมดำเนินการตรวจสอบ หากพบความไม่ชอบมาพากลผมจะร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยออกจากทะเบียน และหรือร้องขอให้ศาลสั่งเลิกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย”