เมื่อวันที่ 5 ก.ค. น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พูดคุยกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กรณีการจัดการสายสื่อสาร พร้อมระบุว่า รัฐบาลทำงานมาตลอด แต่ยอมรับว่าประชาสัมพันธ์สู้นายชัชชาติไม่ได้ ว่าสะท้อนแนวคิดการทำงานแบบน้ำเต็มแก้วของ รมว.ดิจิทัลฯ และรัฐบาลชุดนี้ที่ชอบพูดเสมอว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีผลงานมากมายแต่อ่อนด้อยการประชาสัมพันธ์ ประชาชนจึงไม่ทราบ ปัญหาของการบริหารที่ผ่านมาของรัฐบาล หากมองแค่การอ่อนประชาสัมพันธ์ คงเป็นการมองปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะต้นเหตุแห่งปัญหาคือ ผลงานของรัฐบาลและของ รมว.ดิจิทัล

หากมีผลงานที่ประชาชนจับต้องได้ ต่อให้ไม่ต้องทำการประชาสัมพันธ์ก็จะมีการพูดถึง “ปากต่อปาก” โดยประชาชน ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ยั่งยืน แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กลับใช้เงินภาษีประชาสัมพันธ์นโยบายของภาครัฐต่อปีไม่ต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ 2565 เฉพาะกรมประชาสัมพันธ์ได้งบประมาณ 2,423 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2566 ได้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 70 ล้านบาทเป็น 2,493 ล้านบาท ยังไม่รวมการประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลผ่านกระทรวงและหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งประชาชนเจ้าของภาษีมีสิทธิที่จะตั้งคำถามว่าเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินคุ้มค่าหรือไม่

น.ส.อรุณี กล่าวต่อว่า ทีมงานถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กเพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามการทำงานของ กทม. โดยผู้ว่าฯ กทม.นั้น ใช้ช่างภาพ 1 คน กับโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องเท่านั้น โดยโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ใช้ราคาเฉลี่ย 20,000 บาท หากจะคำนวณเป็นเม็ดเงินต่อปี เมื่อรวมกับเงินเดือนแอดมิน ค่าโทรศัพท์ และค่าเดินทาง ในการถ่ายทอดสดการลงพื้นที่ของผู้ว่าฯ กทม. คาดว่าไม่เกิน 7-8 แสนบาทต่อปี ประสิทธิผลที่ได้แตกต่างกันอย่างลิบลับ แต่สิ่งที่ประชาชนเห็นคือ การทุ่มเทแก้ไขปัญหา “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชนอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา ทำให้ประสบความสำเร็จ น่าจะเป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนอยากได้รับจากรัฐบาลมากกว่าการได้เห็นเพียงแค่การประชาสัมพันธ์เท่านั้น จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า รัฐประชาสัมพันธ์ไม่เป็น หรือไม่มีผลงานให้ประชาสัมพันธ์กันแน่

“แทนที่ รมว.ดิจิทัลฯ และรัฐบาลจะเรียนรู้และแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง และเรียนรู้จากความสำเร็จ รวมทั้งรูปแบบการทำงานของผู้อื่น ไม่ใช่การห่วงจัดอีเวนต์เน้นภาพส่งสื่อแล้วจบไป เพราะสิ่งที่ประชาชนต้องการ คือคนที่ลงมือทำงานจริงจัง” น.ส.อรุณี กล่าว.