เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ศูนย์แถลงข่าว ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รอง อธิบดีกรมศุลกากร นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รอง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.พรชัย เจริญวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ธีรเดช กลัมพสุต ผอ.สำนักปฏิบัติการข่าว ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) พ.ต.อ.อดิศร์ เจริญสวัสดิ์ รอง ผบก.ปส.3 และนายโคดี้ ต่ง เลขานุการฝ่ายกฎหมาย จากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (MJIB) ร่วมแถลงผลตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 50 กก. มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท

นายพชร เปิดเผยว่า สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่ MJIB ของไต้หวัน ร่วมกันสืบสวนหาข่าวจนทราบว่าจะมีการลักลอบส่งยาเสพติดจากไทยออกไปยังต่างประเทศผ่านการส่งสินค้าทางเรือ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตรวจพบสินค้าที่มีลักษณะตรงตามความเสี่ยงในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังต่างประเทศ สำแดงชนิดสินค้าเป็นเครื่องซีลสุญญากาศ โดยส่งออกทางท่าเรือกรุงเทพ ประเทศไทย ไปประเทศไต้หวัน จึงประสานข้อมูลร่วมกับหน่วยร่วมตามโครงการสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าเรือ (Seaport Interdiction Task Force: SITF) ร่วมกันตรวจสอบสินค้าดังกล่าว

ซึ่งจากภาพเอกซเรย์พบความผิดปกติอยู่ในเครื่องซีลสุญญากาศ จึงตรวจสอบโดยละเอียด พบวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เคตามีน) ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับด้านข้างของเครื่องซีลสูญญากาศ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 50 กก. มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งหากส่งออกไปยังประเทศไต้หวันจะมีมูลค่าในราคาขายส่ง ประมาณ 87.5 ล้านบาท และมีมูลค่าในราคาขายปลีกในไต้หวันประมาณ 175 ล้านบาท จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพร้อมทั้งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องจนสามารถสืบหาต้นทางได้ว่ามาจากจ.เพชรบูรณ์จึงติดตามและจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้ 2 คน ซึ่งเป็นผู้นำสินค้ามาส่งไว้ยังท่าเรือกรุงเทพ เพื่อรอส่งออก หลังจากนี้ยังคงในขั้นตอนของการขยายผลหาต้นตอผู้ว่าจ้างและผู้ร่วมขบวนการเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

นายพชร เปิดเผยอีกว่า การตรวจยึดในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือของหน่วยสกัดกั้นการลักลอบส่งออกและนำเข้ายาเสพติดผ่านช่องทางศุลกากร ได้ร่วมกันสืบสวนหาข่าวเพื่อสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งออกยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์จำเป็นในการผลิตยาเสพติดผ่านช่องทางศุลกากร ไปยังต่างประเทศ และร่วมกันป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้ายาเสพติดด้วย

ทั้งนี้ สำหรับสถิติการตรวจยึด-จับกุมคดียาเสพติดของกรมศุลกากร ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน มีทั้งหมด 93 คดี รวมมูลค่ากว่า 2,312 ล้านบาท ซึ่งกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือกันสกัดยาเสพติดไม่ให้เข้าหรือออกนอกราชอาณาจักรของไทยผ่านช่องทางศุลกากรอย่างเข้มงวดต่อไป