จากกรณีเกิดเหตุนักเรียนหญิง ม.2 ก่อเหตุผูกคอตัวเองเสียชีวิตในห้องเช่า สาเหตุจากน้อยใจครูที่บอกว่า หน้าแบบนี้ยังไงก็เรียนไม่จบ ขณะที่ผู้บริหารโรงเรียนดังกล่าว ระบุว่า ที่ผ่านมาการเรียนการสอนของครูก็เป็นปกติ ครูผู้สอนไม่น่าจะพูดรุนแรงตามที่เด็กเขียนถึงแม่ จึงอาจเป็นไปได้ที่เด็กคิดมากเรื่องการเรียน เรื่องเพื่อนมาบวกกัน ทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบ โดยหลังจากนี้จะกำชับให้ครูผู้สอนทุกคน ให้ระวังเรื่องคำพูดไม่ให้กระทบกระเทือนถึงเด็กอีกต่อไป ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 21 ก.ค. น.ส.เอ (นามสมมุติ) แม่นักเรียนหญิง ม.2 อายุ 43 ปี กล่าวว่า คำพูดของ ผอ.โรงเรียน ยังไม่สอดคล้องกับข้อความไลน์ของลูกเขียนคุยกับแม่ ที่ระบุข้อความว่า ”แม่รู้ไหมมันโคตรกดดันเลย รู้ไหมวันนี้ครูเขาพูดว่ายังไงกับหนู เขาบอกว่าคนอย่างหนูจะเรียนไม่จบหรอก เขามั่นใจ” ต่อมาลูกสาวยังไลน์มาบอกอีกว่า ”ถ้าจบเทอมนี้หนูจะหาเงินด้วยตัวเอง จะขอย้ายโรงเรียน เพราะรู้สึกโดดเดี่ยวมาก ครูก็ชอบกดดัน เพื่อนก็ชอบเมิน ไม่มีเงินไม่มีรถเพื่อนไม่คบ เพื่อนไม่นับ” สุดท้ายลูกสาวผูกคอตัวเองเสียชีวิตในวันถัดมา

ครูปรามาสหน้าอย่างเธอเรียนไม่จบ! ม.2ตัดพ้อแม่น้อยใจผูกคอดับสลด

น.ส.เอ กล่าวว่า จริงๆแล้วเป็นเรื่องระหว่างครูกับลูกสาว ส่วนตัวเชื่อว่าลูกสาวคิดเอง น้อยใจเอง ส่วนครูคิดว่าคงจะหวังดีต่อลูกศิษย์ เพียงแต่ใช้น้ำหนักเสียงในการพูดไม่ตรงกับสภาพความรู้สึกของเด็ก คิดว่านักเรียนรับได้ ที่ผ่านมาเคยปลอบใจลูกว่าที่ครูพูดคือเป็นห่วงนักเรียนนั่นเอง

น.ส.เอ กล่าวว่า เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน ครูต้องใช้จิตวิทยาจำแนกสภาพความรู้สึกของเด็กแต่ละคน แต่ละกลุ่ม เพราะไม่เหมือนกัน ถึงแม้ลูกสาวจะเป็นคนขี้เล่น ชอบสนุก แต่เวลาแม่ดุ มักจะเงียบและน้อยใจ ดังนั้นครูผู้สอนควรจะศึกษาและแยกกลุ่มเด็ก ว่ากลุ่มไหนจะรับแบบไหนได้ ไม่ควรจะสอนเด็กแบบเหมารวมกัน

ขณะที่ ยายของนักเรียน ม.2 วัย 77 ปี กล่าวว่า ยังรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะยังคิดถึงหลานที่จากไปก่อนวัยอันควร ส่วนกรณีที่ครูปฏิเสธว่าไม่ได้ด่าหลาน ตนไม่เชื่อ เนื่องจากหลานมาเล่าให้ฟังทุกครั้งที่ยายถามว่า ”ทำไมไม่ไปโรงเรียน” หลานจะบอกว่าครูด่า