เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 3 นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ชี้แจง หลังนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย อภิปรายกล่าวหาว่า มีการทุจริตการใช้งบประมาณกลางในการจัดอบรมของกระทรวง อว. ว่า งบกลางที่ใช้สำหรับการแก้ปัญหาเร่งด่วน ทุกมหาวิทยาลัย ทุกสำนัก และทุกกระทรวง สามารถขอได้ ในส่วนของกระทรวง อว. เอง แม้ว่าจะไม่มีการประมูลงาน แต่มีเกณฑ์ของคณะกรรมการ และสำนักงบประมาณ ในการพิจารณาอนุมัติโครงการอยู่หลายข้อ เช่น ต้องไม่ซ้ำซ้อนกับงานที่เคยทำอยู่แล้ว และต้องเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วน ซึ่งการจัดอบรมดังกล่าว เป็นการอบรมเรื่องการเพาะเห็ด ที่ใช้นวัตกรรมเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อเนื่องและปริมาณมาก และการอบรมเรื่องกัญชา และการสมุนไพรต้านโควิด ในช่วงที่ประชาชนกลับบ้านและว่างงาน ดังนั้นโครงการนี้จึงเกี่ยวข้องกับกระทรวง อว. ในเรื่องการใช้นวัตกรรม และเป็นการสร้างงานในช่วงคนตกงาน ขณะที่การเสนอโครงการก็ไม่ได้รีบเร่งตามที่อภิปราย แต่มีการดำเนินงานโดยมีเวลาตรวจสอบพิจารณาถึง 3 เดือน ตนขอขอบคุณในความประสงค์ของนายประเสริฐ ที่ตรวจสอบและคาดการณ์ว่าจะมีการทุจริต 259 ล้านบาท ต่อหนึ่งมหาวิทยาลัยที่จัดอบรม และรวมทั้งโครงการ 4 สถาบัน อาจมีการทุจริตกว่า 2,000 ล้านบาท

นายเอนก กล่าวว่า จริงๆ มันคือสมมุติฐาน เพราะการอบรมอีก 3 มหาวิทยาลัย ยังไม่เกิด ตอนนี้เพิ่งจัดไปมหาวิทยาลัยเดียว กรณีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ตอนนี้อบรมไปเพียงแค่ 8,000 คน จากที่วางแผนไว้ 30,000 คน และยังไม่ถึงเวลาจ่ายปัจจัยผลิต เพราะกำลังทำประมูล e-bidding และถ้าได้แล้วก็จะแจกให้ประชาชน ตอนนี้ยังไม่เห็นความเป็นไปได้ในการคอร์รัปชั่น ส่วนเรื่องค่าที่พัก และค่าอาหาร ถ้าไม่ได้ทำจริงต้องคืนงบประมาณให้สำนักงบประมาณหมด ยืนยันว่าต้องตรวจสอบ และถ้าไม่คืนงบประมาณที่ไม่ได้ใช้ ก็ถือว่าทุจริต

“ถือว่าเป็นความปรารถนาดี ผมจะดูแลเอาใจใส่โครงการนี้อย่างดี เพราะเราทำงานมาก ทำงานเร็ว และจะไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเด็ดขาด” นายเอนก กล่าว

ด้านนายประเสริฐ ลุกขึ้นอภิปรายต่อว่า ในข้อเท็จจริงแล้ว ต้องมีการอบรม 2 วันและต้องค้างคืน แต่ข้อเท็จจริงคืออบรมแค่ครึ่งวัน และไม่มีการค้างคืน ตนจึงสงสัยว่าถ้าไม่มีการค้างคืน เท่ากับว่าตั้งโครงการแล้วไม่ทำตาม ต้องดำเนินคดี อีกทั้งเวลาอบรม พี่น้องเกษตรกรต้องได้ปัจจัยการผลิตกลับไปเลย แต่นี่ไม่มีความพร้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ก็บอกกับตนว่าไม่อยากได้โครงการ ตนมีข้อกล่าวหาว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันเขียนโครงการทั้ง 4 มหาวิทยาลัย ตนอยากเตือนว่า การใช้จ่ายงบประมาณต้องไม่เอาเปรียบพี่น้องเกษตรกร และพวกเขาต้องได้ประโยชน์อย่างเต็มที่

เช่นเดียวกับนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า คนของท่านไปตกลงกับชาวบ้านจังหวัดพะเยา 88 วิสาหกิจชุมชน ว่าจะให้ปัจจัยการผลิตงบประมาณ 120,000 บาทต่อชุมชน แต่ปรากฏว่าได้สมุนไพรมานิดเดียว และได้ไก่มา 60 ตัว พี่น้องที่เดือดร้อนไปร้องเรียนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ตนขอให้มีการตรวจสอบ