จากกรณีที่นายณรงค์ฤทธิ์ คงทอง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 018 หมู่ 4 ต.แม่เจ้าอยู่ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พ่อค้าปุ๋ย หอบหลักฐานร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยอ้างว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรฯ เข้ามาหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวจากลูกชายวัย 10 ขวบ ที่นำโทรศัพท์ไปเรียนออนไลน์และเล่นเกมออนไลน์ ก่อนจะแอบทำธุรกรรมโอนเงินออกจากบัญชีโดยที่ตนเองไม่ทราบ ซึ่งกระทั่งโอนเงินไปเข้าบัญชีปลายทางถึง 65 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 7-25 ก.ค. 65 เป็นเงิน 1,206,000 บาท หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความกับตำรวจให้ช่วยติดตามคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่จนถึงตอนนี้ คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า ไปข้อมูลจากทางธนาคารเพื่อขอบัญชีปลายทางก็ไม่ยอมให้ จึงเข้ามาร้องสื่อให้ช่วยประสานฝ่ายงานเกี่ยวข้องช่วยติดตามเรื่องให้ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไกรศร วิศิษฏ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมนายกิตติพงศ์ รองเดช นายอำเภอเชียรใหญ่ นำกำลังตำรวจและฝ่ายปกครองลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการสอบสวนผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างเร่งด่วน ในกรณีที่ทางธนาคารปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลของชื่อและเลขบัญชีปลายทางที่มีการโอนเงินจากบัญชีของนายณรงค์ฤทธิ์ ผู้เสียหาย เมื่อมีการแจ้งความกับตำรวจแล้ว เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะขอเอกสารหลักฐานทั้งหมดจากธนาคาร โดยคาดว่าในวันจันทร์ที่ 1 ส.ค. นี้ ตำรวจจะเรียกนายณรงค์ฤทธิ์ ผู้เสียหายไปสอบปากคำเพิ่มเติม คงจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเสนอขอหมายจับกุมเจ้าของบัญชีได้ในวันเดียวกันอย่างแน่นอน

นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจ อบอุ่นใจ ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งการให้ผู้บังคับการและนายอำเภอ พร้อมเจ้าหนาที่ตำรวจและฝ่ายปกครองลงมาช่วยเหลือแนะนำขั้นตอนการดำเนินการ เพราะก่อนที่จะเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ตนมืดแปดด้าน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ไม่ได้รับความร่วมมือหรืออำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ใดๆ เลย แม้แต่เจ้าหน้าที่ธนาคาร ทั้งๆที่เงินตนหายไปจากบัญชีมากกว่า 1.2 ล้านบาท แต่ธนาคารกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เอาแต่ระเบียบ และขั้นตอนข้อกฎหมายอย่างเดียว

นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบการโอนเงินจำนวน 65 ครั้ง รวม 1,206,000 บาท เป็นการผูกกับทรูมันนี่ จะโอนออกจากบัญชีตนได้ครั้งและไม่เกิน 30,000 บาท ตนแปลกใจที่ไม่มีข้อความแจ้งจากธนาคารเลย แม้ตนจะไม่ใช้ระบบโอนเงินผ่านแอพพลิเคชั่นธนาคาร แต่ตนทำข้อตกลงเรื่องข้อความ sms ไว้ว่า ทางมิจฉาชีพได้หลอกให้ลูกชาย 10 ขวบถ่ายภาพข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนและระหัสธนาคารส่งไปให้ และยังทำการสแกนอัตลักษณ์ใบหน้าตนส่งให้ไปด้วยพร้อมสั่งห้ามบอกใครเด็ดขาด หลังจากรู้ว่าเงินหายออกจากบัญชีกว่า 1.2 ล้านบาท ตนก็อายัดบัญชีทันที แต่ทำไมทางธนาคารยังส่งข้อความแจ้งดอกเบี้ยเข้าบัญชีได้

นายณรงค์ฤทธิ์ คงทอง กล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ตามหากเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรีบสอบสวนและรวบรวมพยานกลักฐาน จะรู้ว่าเจ้าของบัญชีที่โอนเงินจากตนเข้าไปเป็นใคร และอยู่ที่ไหน และขอฝากเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองให้ระมัดระวังและควบคุมการให้ลูกนำโทรศัพท์ไปใช้ให้ดีๆ เพราะอาจจะตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ได้เช่นกัน.