เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พรนิภา (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี อดีตพนักงานบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งใน ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด กำลังตั้งครรภ์ 4 เดือน เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดตราด หลังถูกนายจ้างไล่ออกจากงานเพราะตั้งครรภ์แล้วมีอาการปวดท้องต้องเข้ารักษาตัวโรงพยาบาล โดย น.ส.พรนิภา เปิดเผยรายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างทำงานมีอาการปวดท้องครรภ์แต่ก็อยู่ทำงานจนเลิกงานกลับบ้านแล้วมีอาการเลือดออกที่ช่องคลอดจึงรีบไปหาหมอ ได้รับแจ้งว่ามีภาวะแท้งคุกคามจึงขอลาป่วย 2 วัน แล้วกลับไปทำงานวันที่ 9 ก.ค. ตามปกติ

น.ส.พรนิภา เล่าอีกว่า ระหว่างทำงานได้ครึ่งวันเกิดอาการปวดท้องกำเริบ จึงขอลาครึ่งวันไปหาหมอ แล้วตรวจอาการก่อนหมอให้หยุดพักรักษาตัว 14 วัน หลังพักรักษาตัวจนหายดี นายจ้างให้กลับมาทำงานวันที่ 26 ก.ค. และในระหว่างที่ทำงานตนได้พูดหยอกล้อกับเพื่อนว่าป่วยเป็นโควิด-19 ยังได้เงิน แต่ที่หยุดไปรักษาตัวครั้งนี้ไม่ได้เงินชดเชยอะไรเลย นายจ้างได้ยินจึงต่อว่าและบอกว่าถ้าเป็นคนอื่นให้ออกไปนานแล้ว จะหยุดกี่เดือนก็หยุดไป แต่หากกลับมาทำงานไม่รู้ว่าตำแหน่งจะว่างหรือเปล่า

น.ส.พรนิภา เล่าว่า จนเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ตนขอให้นายจ้างแจ้งเงินเดือนในประกันสังคมให้เท่าเงินเดือนจริง (เงินเดือน 11,000 บาท) ได้ไหม เพราะลาคลอดจะได้ไม่เป็นภาระมาก แต่นายจ้างปฏิเสธและยืนยันจะให้ประกันสังคมเท่าเดิม (เงินเดือน 5,000 บาท) กระทั่งวันนี้ (3 ส.ค.) ก่อนออกมาทำงานนายจ้างโทรศัพท์มาหาช่วงเช้าบอกว่าไม่ต้องมาทำงานแล้ว เพราะสิ่งที่ตนขอมันมากเกินไปทำให้อึดอัด ทำให้รู้สึกงงมากเพราะทำงานที่บริษัทนี้มา 1 ปี 5 เดือน ไม่เคยทำผิด หรือโกงอะไรเลย และคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว ไม่เข้าใจว่าแค่ตนท้อง ทำไมต้องไล่ออกด้วย อยากถามว่าคนท้องผิดอะไร อยากให้เห็นใจคนท้องด้วย ไม่ใช่มาไล่กันออกแบบนี้ วันนี้จึงเดินทางมาร้องเรียนที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดตราด เพื่อปรึกษาเจ้าหน้าที่และหาทางออกเรื่องนี้ต่อไป