เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายสมหมาย สิงห์น้อยเจ้าพนักงานแรงงานชำนาญงาน สนง.จัดหางาน จ.อุดรธานี พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางมายังบ้านเลขที่ 145 หมู่ 1 บ้านโพธิ์ ต.นาชุมแสง อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี พบกับนางลำดวล วงษ์พุฒิ อายุ 61 ปี หญิงพิการขาซ้ายขาด และนายเสถียร วงษ์พุฒิอายุ 68 ปี สองสามีภรรยา หลังได้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือเหตุเรื่องบุตรชาย คือ นายโชคชัย หรือกบ วงษ์พุฒิ อายุ 41 ปี เสียชีวิตขณะไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล โดยมีผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนบ้าน เดินทางมาให้กำลังใจ และติดตามความคืบหน้า

นางลำดวล เปิดเผยว่า ครอบครัวตนมีลูกชาย 2 คน คนโตคือนายโชคชัย ที่เสียชีวิต จบเพียง ป.6 ไปทำงานประเทศไต้หวัน ตั้งแต่อายุยังน้อยจนมีเงินมาสร้างบ้านหลังนี้ กลับมาไม่นานก็ไปอิสราเอลกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งเดียวปี 59 จากนั้นก็กลับไปอีกจนหมดสัญญาก็ยังทำงานต่อกับนายจ้างอื่น ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ค่อยส่งเงินมา หลังจากป่วยจนหมดสติ และพบป่วยหลายโรคทั้ง เบาหวาน, หัวใจ, เส้นเลือดสมองตีบ, ขาลีบ และอื่น ๆทำงานหนักไม่ได้ต้องเปลี่ยนงานเร่ร่อนไปเรื่อย

“1 ส.ค. ที่ผ่านมา นางกุ้ง อดีตแฟนลูกชายติดต่อผ่านญาติว่าลูกชายเสียชีวิต ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวทำให้โทรศัพท์ติดต่อกันได้ ทั้งกับนางกุ้ง, ลามชาวไทย และสถานทูตทุกคนพยายามช่วยนำศพกลับบ้าน แต่เราก็ไม่มีเงินเป็นค่าใช้จ่ายเขาก็ช่วยกันเรี่ยไร่เงินจากแรงงานไทย ที่ทำงานอยู่ตามโมชาป (สวนเกษตร) ต่างๆ โดยนางกุ้ง ปั่นจักรยานไปแจ้งข่าว เมื่อวานรับแจ้งว่าได้เงินครบแล้วราว 140,000 บาท ทางสถานทูตเตรียมส่งศพกลับบ้าน เมื่อศพถูกนำขึ้นเครื่องบินจะโทรแจ้งมาอีกครั้ง ซึ่งศพจะถูกส่งถึงบ้านที่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ไม่ต้องมารับศพที่สนามบิน” นางลำดวล กล่าว

นางลำดวล กล่าวต่อว่า เราเป็นครอบครัวชาวบ้านทั่วไป เมื่อตนและสามีไปทำงานก่อสร้าง จ.ภูเก็ต ประสบอุบัติเหตุขณะย้ายไซต์งาน แพทย์จำเป็นต้องตัดขาซ้ายทิ้ง เป็นคนพิการกลับมาอาศัยอยู่บ้าน ลูกชายคนโตต้องไปทำงานไต้หวันส่งมาช่วยเหลือครอบครัว และส่งน้องเรียนจนจบ ปวส.ได้ไปทำงานในโรงงานแถวภาคตะวันออก ลูกชายคนโตก็ยังไปต่างประเทศ ขณะที่สามีป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ลูกชายคนเล็กก็ต้องกลับบ้านมาในช่วงการระบาดโควิด-19 ต่อเนื่องมาจนถึงมาเสียลูกชายคนโต ที่ทั้งชีวิตทำงานหาเงินอยู่ต่างประเทศจนต้องมีเสียชีวิตในต่างประเทศ

ขณะที่ นางลำดวล ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวอยู่นั้น ก็ได้ยกมือไหว้ขึ้นเหนือศีรษะ ร่ำไห้บอกครอบครัวเราไม่มีเงินมีทอง พอจะเอาศพลูกชายกลับบ้าน ที่อิสราเอลไม่มีการเผาศพต้องฝังเพียงอย่างเดียวก็ต้องใช้เงิน แรงงานไทยที่อิสราเอลบอกว่า คนไทยด้วยกันไม่แล้งน้ำใจ จะช่วยกันส่งศพกลับบ้าน ขอเป็นตัวแทนครอบครัวขอบคุณทุกส่วนที่เกี่ยวข้องขอให้ทุกคนเจริญก้าวหน้า ขอให้ไม่เจ็บไม่ไข้ ดีใจที่ทุกคนช่วยเหลือขอให้ได้บุญกลับไปเยอะๆ

นายสมหมาย กล่าวว่า เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ ครอบครัวแรงงานที่เสียชีวิตอีกทั้งเพื่อสอบถามความคืบหน้า และความต้องการที่จะให้ช่วยเหลือ ตลอดจนคำแนะนำระเบียบต่างๆ เบื้องต้นรับแจ้งว่าขั้นตอนการนำศพกลับบ้าน ได้รับความช่วยเหลือจากสถานฑูตตลอดจนเพื่อแรงงานชาวไทย มีแผนการนำศพกลับมาเร็วๆ นี้ เหลือเพียงเที่ยวบินเท่านั้น ซึ่งช่วงนี้เที่ยวบินยังมีไม่มาก จากสถานการณ์ระบาดของโควิด

“สนง.จัดหางานอุดรธานี รับปากจะติดตามเรื่องเงินกองทุนฯ ที่ผู้ตายเคยเป็นสมาชิกกองทุน และได้ขาดสมาชิกไปตั้งแต่หมดสัญญากับนายจ้างเดิม 5 ปี 3 เดือน ผู้ตายอยู่สถานะแรงงานผิดกฎหมายโดยจะดูว่ากองทุน มีช่องทางจะช่วยเหลือได้หรือไม่ และรับปากประสานแรงงานอุดรธานีตรวจสอบสวัสดิการของผู้ตาย ในช่วงที่มีสัญญากับนายจ้างเดิมมีเงินสวัสดิการหรือที่เรียกว่าเงินวีซูอิน มีการจ่ายให้ผู้ตายไปหรือยัง หลังจากหมดสัญญาไปแล้ว หากยังไม่จ่ายก็น่าจะขอเงินส่วนนี้ได้” นายสมหมาย กล่าว