เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ส.ค. พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พ.อ.ทวีพร คณะทอง ผบ.ฉก.ทพ.43 ได้เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายบุกเข้าไปลอบวางระเบิดและเผาปั๊มน้ำมันบางจาก เลขที่ 200/1 บ้านดอนยาง หมู่ 8 ต.บ่อทอง บริเวณริมถนนสายปัตตานี-หาดใหญ่ อ.เมืองปัตตานี เป็นเหตุให้ปั๊มน้ำมันดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนัก เหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดเส้นทางขาขึ้น อ.หาดใหญ่ และปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุไม่ให้บุคคลอื่นเข้าไปเด็ดขาด เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย เกรงว่าคนร้ายจะลวงแผนซ้ำซ้อนอย่างที่เคยเกิดขึ้น ขณะที่ภายในปั๊มดังกล่าวได้มีเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบเพื่อหาวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ซึ่งภายหลังเกิดเหตุและตรวจสอบพบว่า หลังคาปั๊มบริเวณที่คนร้ายลอบวางระเบิดรถบรรทุกน้ำมันที่จอดอยู่ติดกับหัวจ่ายน้ำมันได้พังลงมาทั้งแทบ เหลือเพียงหลังคาด้านหน้าที่ถูกไฟไหม้เสียหาย นอกจากนี้เพลิงได้เผาแคชเชียร์ปั๊ม หัวจ่ายน้ำมันทั้ง 4 หัวและอุปกรณ์ต่างๆ ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด เช่นเดียวกับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ที่จอดไว้ด้านข้างได้รับความเสียหายไปด้วย 2 คัน

พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวต่อไปว่า การก่อเหตุครั้งนี้ ที่ผ่านมากลุ่มคนร้ายได้พยายามสะสมอาวุธและวัตถุระเบิด เพื่อเตรียมจะก่อเหตุตั้งแต่ในช่วงเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา ได้มีการโจมตีสถานีตำรวจน้ำที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ลอบวางระเบิดป้อมจุดตรวจปาลัส อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ล่าสุดครั้งนี้ ที่ ปั้มน้ำมันบางจาก อ.หนองจิก ซึ่งเป็น 1 ใน 17 จุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยภาพรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงคืน คนร้ายได้ก่อเหตุพร้อมกันทั้ง 3 จังหวัด ปัตตานี 2 จุด ยะลา 6 จุด และ นราธิวาส 9 จุด โดยทั้ง 17 จุด โดยเป็นร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ 11 จุด ร้านบิ๊กซีมินิ 4 จุด เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ 1 จุด และปั๊มน้ำมัน 1 จุด ซึ่งปั๊มน้ำมันน่าจะได้รับความเสียหายมากที่สุด ซึ่งทั้ง 17 จุด คนร้ายได้แต่งกายอำพรางคลายผู้หญิง ใช้รถ จยย.เป็นพาหนะ ก่อเหตุโดยการใช้ระเบิดเพลิงปาเข้าไปภายในร้านสะดวกซื้อ บางส่วนก็ได้นำระเบิดเข้าไปวางในร้าน ขณะที่ปั๊มน้ำมันบางจาก คนร้ายได้ลอบวางระเบิดที่รถบรรทุกน้ำมันที่จอดไว้ใกล้กับหัวจ่ายน้ำมัน ทำให้เกิดเหตุระเบิดจนสร้างความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้หน่วยเร่งดำเนินการตามขั้นตอน โดยเฉพาะการนิรภัยพื้นที่ให้มีความปลอดภัย ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบหาวัตถุพยานเพื่อที่จะดำเนินการต่อกลุ่มคนร้าย

จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ยังไม่สามารถที่จะสรุปปัจจัยที่เป็นมูลเหตุจูงใจก่อเหตุ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพูดคุยสันติสุข ประเด็นทางการเมือง หรือความขัดแย้งอื่นๆ ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกในรอบด้าน สิ่งที่เป็นเรื่องเร่งด่วนขณะนี้คือ การรวบรวมวัตถุพยานเพื่อดำเนินการกับคนร้าย และเร่งสำรวจความเสียหายทุกพื้นที่เพื่อทำการช่วยเหลือเยียวยา ถึงแม้ว่าคนร้ายจะพยายามก่อเหตุสร้างสถานการณ์ก็ตาม ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังยึดมั่นในแนวทางสันติในการแก้ปัญหา และการบังคับใช้กฎหมาย สำคัญคือ เรื่องปรับแผนในการใช้กำลังจรยุทธ์เข้าพื้นที่ล่อแหลมและเสี่ยงภัยให้มากขึ้น และการพูดคุยเพื่อสันติสุขก็ยังเดินทางต่อไป

ส่วนกระแสข่าวที่ว่าการก่อเหตุครั้งนี้ อาจจะเชื่อมโยงเรื่องการเรียกค่าคุ้มครองนั้น พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นเหตุจูงใจของคนร้ายหรือไม่ แต่สิ่งที่เป็นเหตุจงใจของกลุ่มก่อความไม่สงบตลอด 18 ปีที่ผ่านมานั้น คือการก่อเหตุต่อชีวิตประชาชน การทำลายภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจ การทำลายทรัพย์สิน ทำลายระบบสาธารณูปโภค การก่อเหตุของคนร้ายยังคงยืนยันในเจตนาเดิมคือการมุ่งทำร้ายประชาชนและภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจและทำลายระบบอำนาจรัฐ ซึ่งจากนั้นก็ต้องเร่งรัดจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยพุทธที่บอบบางที่สุดและส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง.