เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 ส.ค. ที่ ลานคนเมือง (เสาชิงช้า) กรุงเทพฯ จากกรณีการนัดชุมนุมตามใจกลางเมืองของหลากหลายกลุ่ม อาทิ คณะหลอมหลวมประชาชน นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา, กลุ่มมวลชนอิสระที่จะเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมายังทำเนียบรัฐบาล, กลุ่ม 14 ขุนพลคนของราษฎร ชุมนุมจัดกิจกรรมขีดเส้นตายไล่เผด็จการ ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นต้น โดยทั้งหมดชุมนุมในประเด็นการดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้นจะต้องสิ้นสุด หากยึดเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ (นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งต่อกันหรือไม่) และมาตรา 171 วรรคสี่ (ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง หากดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่าแปดปี)

สำหรับบรรยากาศภายในงานนั้น ก่อนเดินเข้าภายในงาน ได้มีการตั้งจุดตรวจคัดกรองอาวุธ สำหรับในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย มีการนำเครื่องสเเกนโลหะมาตรวจหาอาวุธ เพื่อป้องกันมือที่สามเเฝงตัวสร้างสถานการณ์ จากนั้นพบว่า ประชาชนได้ทยอยเดินเท้าเข้างาน ร่วมนำสาดเสื่อปูวางจับจองพื้นที่รับฟังปราศรัย โดยเวทีที่ใช้ปราศรัย เป็นเวทีขนาดใหญ่ ยาว 12 เมตร กว้าง 8 เมตร พร้อมติดตั้งระบบเครื่องเสียง ระบบไฟเเสงสี มีวงดนตรีขึ้นเล่นสร้างความบันเทิงเเละสร้างความผ่อนคลายให้ผู้ชุมนุม

ต่อมาเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เดินทางมาที่ลานคนเมืองเพื่อดูความเรียบร้อยในบริเวณสถานที่จัดกิจกรรม พร้อมเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า ทางผู้จัดการชุมนุมมีการทำหนังสือขออนุญาตไปยัง ผอ.เขตพระนคร รวมถึงตำรวจท้องที่ สน.สำราญราษฎร์ เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ซึ่งตำรวจก็ได้ทำหนังสือเน้นย้ำไปยังผู้จัดว่า ต้องทำกิจกรรมการชุมนุมอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย สงบ ปราศจากอาวุธ ไม่จาบจ้วงสถาบัน เเละขอให้การชุมนุมอยู่ในพื้นที่ที่เเจ้งในหนังสือขออนุญาตเท่านั้น และอยู่ในกรอบของเวลาที่ได้ระบุไว้คือเที่ยงคืน รวมถึงห้ามเคลื่อนขบวนออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย เเละความสะดวกในการดูเเลความปลอดภัย ตลอดจนขณะนี้ยังอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เเละปัญหาโรคระบาดที่ยังไม่คลี่คลาย และคาดว่าจะมีคนมาร่วมกิจกรรมประมาณ 1,000 คน ซึ่งเต็มความจุของลานคนเมือง

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า หากมีการชุมนุมเลยเวลาเที่ยงคืน อันดับแรกคือเตือนก่อน ถ้าเลยมา 5 นาทีแล้ว จะประกาศใช้กฎหมายก็คงไม่ใช่ ต้องดูที่เจตนาก่อน เช่น ถ้ามีการประกาศเลิกการชุมนุมและผู้ชุมนุมทยอยเดินทางออกจากพื้นที่ไม่มีเจตนาจะเคลื่อนที่ ต้องดูว่าผู้คนโดยรอบได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ ทั้งนี้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการฝ่าฝืนกฎหมาย ฝ่าฝืนในเรื่องของความมั่นคงต่อราชการอาณาจักร และการขีดขวางจราจร ตำรวจจะเตือนและเจรจาก่อนแต่ถ้าหากออกมาชุมนุมแล้วดำเนินการก่อให้เกิดความไม่สงบ มีการทำลายทรัพย์สินราชการ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตรงนี้คงไม่ใช่การเรียกร้องตามครรลองประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ต้องฝากแกนนำให้ช่วยกำกับดูแลและทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่

พ.ต.อ.กฤษณะ ทิ้งท้ายว่า การชุมนุมมีความเป็นดาวกระจายหลายจุด แต่จุดที่กังวลที่สุดคือบริเวณทำเนียบรัฐบาลอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนคน แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมพฤติการณ์ หากจำนวนคนน้อยแต่มีการก่อความวุ่นวาย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น เผาป้อมตำรวจ แบบนี้ก็คงไม่ใช่

ต่อมาเวลา 17.15 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ เดินทางเข้ามาภายเต็นท์ เพื่อกล่าวคำแถลงการณ์การชุมนุม โดยนายจตุพร กล่าวว่า สำหรับการชุมนุมในวันนี้ เพื่อยืนยันในเรื่องการครบวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะไม่ว่าใครก็ตามก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาสู่อำนาจด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญ และยังแต่งตั้งนายมีชัย ฤชุพันธ์ มาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อปูทางให้ตัวเองเข้าสู่อำนาจ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตั้งแต่คณะหลอมรวมประชาชนได้ออกมาขับเคลื่อน บรรดาเนติบริกรไม่ว่าจะเป็นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี หรือว่านายมีชัย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ค่อยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทั้งสองมาตรา (158 และ 264) เพราะมาตรา 158 ที่ระบุว่านายกฯ จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินแปดปีมิได้ ไม่รวมระยะรักษาการ ดังนั้น ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องพ้นจากตำแหน่ง และหากเห็นว่าสิ้นสุดตามการบังคับใช้ของรัฐธรรมนูญ 2560 พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นต่อไปถึงปี 2568 แต่หากสิ้นสุดตามการเลือกตั้งปี 2562 ก็อยู่ไปถึงปี 2570

นายจตุพร กล่าวต่อว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความเห็นว่า “เจ็บคอ” เพียงแค่พยางค์เดียว ตนอยากบอกว่า ประชาชนเจ็บใจ ขอเรียนไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่าคณะหลอมรวมประชาชนไม่ได้กดดันศาล และไม่ได้กดดัน พล.อ.ประยุทธ์ แต่เราเป็นประชาชน ที่กดดันตัวเองว่าเราจะทนอยู่ในสภาพแบบนี้อีกต่อไปหรือไม่ นอกจากนี้ การชุมนุมของคณะหลอมรวมประชาชนใช้เหตุผลทางข้อกฎหมาย ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ละเมิดกฎหมายต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง โดยเฉพาะการถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ สภาพแบบนี้ต่างหาก ที่คณะหลอมรวมประชาชนต้องการรักษาสภาพการของบ้านเมือง

นายจตุพร กล่าวเสริมว่า คณะหลอมรวมประชาชนจะปักหลักอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงเวลาเที่ยงคืน แล้วจะนับถอยหลังเคานท์ดาวน์ส่งท้ายปิดฉากประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมยืนยันว่า คณะของตนไม่ได้ต้องการจะล้มการประชุมเอเปค เพราะหากใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี บุคคลนั้นก็ต้องทำหน้าที่จัดการประชุม เพียงแต่จะนำมาตรา 158 และ 264 มาใช้หักล้างไม่ได้ และพวกตนพร้อมดีเบตกับฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลทุกคน หลังเที่ยงคืนวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเหมือนนั่งอยู่บนเตาอั้งโล่ และให้ติดตามดูว่า จะอยู่หลังจากเที่ยงคืนวันนี้ได้สักกี่วัน โดยคณะหลอมรวมประชาชน ยึดในสันติวิธีและจะปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา มีอะไรจะประสานกับตำรวจและกรุงเทพมหานคร เพื่อสู้กับความไม่ถูกต้องให้เกิดความถูกต้อง จากนี้ตนมั่นใจว่าจำนวนประชาชนจะเริ่มเพิ่มขึ้น การชุมนุมจะเพิ่มขึ้น เพราะความไม่สำนึกของนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ตามกำหนดการเดิมจะเคานท์ดาวน์ที่นี่เท่านั้น เรื่องการเคลื่อนขบวนยังไม่ได้กำหนด เว้นแต่เป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็ไว้พิจารณาต่อไป แต่ไม่ค้างคืนแน่นอน ส่วนกลุ่มไหนจะเคลื่อนไปทำเนียบรัฐบาล เราเคารพการต่อสู้ของทุกคน พร้อมขอให้นายมีชัย ฤชุพันธ์ ออกมาพูดถึงมาตรา 158, 264 อย่าหายสาบสูญ ขอให้ออกมาอธิบายหลักการความคิด

ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ กล่าวว่า เมื่อศาลรับคำร้องไปแล้ว ตนขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องแล้วรับคำร้อง จากนั้นก็ควรพิจารณาให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ หากอีกฝ่ายอยากอยู่ในอำนาจ ก็ให้เป็นไปตามกฎหมายประชาธิปไตย ดังนั้น ถ้าศาลสั่งไม่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เท่ากับว่าจะเอาข้อยกเว้นมาบังคับใช้เป็นหลักการ คือประยุทธ์ยังคงทำหน้าที่ต่อไป ซึ่งการการกระทำตอนก่อนหน้านั้น จะให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย เช่นนี้จะเท่ากับการนำเอาข้อยกเว้นมาใช้ จึงหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะคำนึงถึงข้อกฎหมาย คำนึงถึงหลักการมากกว่าข้อยกเว้น และรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะต้องถูกแก้ไข

นอกจากนี้ นายนิติธร ยังระบุว่า วันนี้เป็นวันตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด และเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายจะต้องดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ ภายหลังจากนี้ จะเข้ามาทำงานในตำแหน่งไหน จะพักบ้านพักทหารในตำแหน่งไหน และใช้ทรัพยากรในฐานะอะไร หากปล่อยให้ใช้ก็ต้องรับผิดเช่นเดียวกัน

จากนั้นเวลา 18.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิติธร ล้ำเหลือ พร้อมด้วยสมาชิกคณะหลอมรวมประชาชน ได้ร่วมกันยืนตรงเคารพธงชาติบนเวทีปราศรัย แล้วจึงเริ่มการกล่าวปราศรัยเปิดเวที โดยนายไทกร พลสุวรรณ นักกิจกรรมทางการเมือง ก่อนจะดำเนินกิจกรรมตามกำหนดการต่อไป