เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พาครอบครัวและญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 33 ครอบครัว จากเหตุเพลิงไหม้ในผับเมาท์เทนบี จ.ชลบุรี ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เร่งรัดโอนคดีจากที่ สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี ให้กองปราบปรามทำคดีแทน เนื่องจากไม่มั่นใจการทำคดีของตำรวจในพื้นที่ โดยมี พ.ต.อ.ดนุ กล่ำสุ่ม รองผู้บังคับการ สำนักงานกฎหมายและคดี นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

นายรณณรงค์ กล่าวว่า การเรียกร้องในวันนี้เพราะรู้ว่านายสมยศ ปั้นประสงค์ เจ้าของผับ เป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ รวมทั้งการก่อสร้างผับมีเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง และเทศบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาต รวมทั้งตำรวจจะมีการปล่อยปละละเลยหรือไม่ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากผู้เสียหายถือว่าเป็นคู่ขัดแย้งของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังเรียกร้องให้ตำรวจเร่งรัดให้เจ้าของผับช่วยเยียวยากับผู้บาดเจ็บที่บางคนมีค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 3 ล้าน 8 แสนบาทแล้ว แต่ได้เงินช่วยเหลือมาจากเจ้าของผับเพียง 2 หมื่นบาท และคาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม นอกจากการขอให้โอนคดีมากองปราบปรามแล้ว ยังขอให้เอาผิดวินัยกับตำรวจที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาถึงระดับปฏิบัติการ รวมทั้งติดตามการตรวจจับปิดผับเถื่อน

นางเบญจมาพร คล้ายแสง แม่ของกัปตันผับ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังทำใจไม่ได้หลังจากสูญเสียลูกชายไป เพราะเป็นผู้ที่หารายได้เลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว เหตุที่เกิดขึ้นทำให้ครอบครัวลำบาก ที่ผ่านมาเจ้าของร้านมอบเงินช่วยเหลือเพียง 5 หมื่นบาท และก็ได้โทรศัพท์มาสอบถามบ้าง แต่อยากให้เจ้าของผับมาช่วยเหลือมากกว่านี้ พร้อมทั้งขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน นางกัญญารัตน์ งามดี แม่ของผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตอนนี้ลูกชายยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และมีบาดแผลไฟไหม้ตามร่ายกายถึงร้อยละ 90 ซึ่งแพทย์บอกว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ขณะนี้ใช้สิทธิประกันสังคมในการรักษา แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่ต้องจ่ายเองอีกจำนวนมาก โดยทางเจ้าของผับให้การช่วยเหลือเบื้องต้น 5 หมื่นบาท ซึ่งไม่เพียงพอ

นายรณณรงค์ กล่าวอีกว่า ส่วนก่อนหน้านี้ที่ได้รวมตัวไปร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รับทำคดีนี้เป็นคดีพิเศษ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ จึงมาร้องขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดคดีอีกครั้ง