เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก คุณยายสุบิน อายุ 65 ปี ชาวบ้าน ต.ตรึม อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ว่า วันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีคนแปลกหน้า ซึ่งเป็นนายทุนเงินกู้ 3 คน มีผู้หญิง 2 คน และผู้ชาย 1 คน โดยผู้ชายอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาหาพร้อมกับแจ้งว่า หลานสาว ซึ่งไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ จ.กระบี่ ได้ไปกู้เงินกับนายทุนคนหนึ่ง มีบ้านอยู่ที่ อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ให้ใช้หนี้แทนหลาน โดยบอกไปว่าไม่มีเงินให้ แต่นายทุนคนบังคับให้ถอดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มูลค่าประมาณ 30,000 บาทไป และถัดมาอีก 2-3 วันก็กลับมาทวงอีก ซึ่งตนไม่รู้จะทำอย่างไร นายทุนก็บังคับให้ถอดสร้อยเลสข้อมือไปอีก 1 เส้น พร้อมกับให้เซ็นหนังสือยินยอมรับสภาพหนี้ ซึ่งตนไม่รู้จะทำอย่างไร สามีก็เพิ่งเสียไปได้ประมาณ 3 เดือนกว่า หลานสาวที่ไปทำงานอยู่ที่ จ.กระบี่ ก็ไม่ทราบว่าไปสร้างหนี้อะไรไว้กับนายทุนคนดังกล่าว โดยมาทวงครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ส.ค. เวลาประมาณ 14.30 น.

ยายสุบิน กล่าวต่อว่า นายทุนได้มาข่มขู่ต่างๆ นานา พร้อมกับให้เซ็นหนังสือรับสภาพหนี้ โดยจะนำวัวในคอกและรถยนต์ของหลานที่จอดอยู่ไป ซึ่งตนไม่ยอม จนกระทั่งมี นายเพลิน วังสันต์ ซึ่งเป็น อบต.ภายในหมู่บ้านมาพบเข้า จึงได้สอบถามและบอกไปว่าเงินที่หลานของยายยืมพวกนายทุนไปก็ส่วนของหลาน ยายแกไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย ประกอบกับพวกนายทุนที่พากันบุกรุกเข้ามาแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมาย ไม่มีอะไรมาแสดงแล้วพากันบังคับให้ยายถอดสร้อยถอดแหวนไปหมด ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามาทำอะไร เรื่องนี้ทำไม่ถูกต้อง และหลานสาวที่กู้เงินไปก็ไม่ได้เกี่ยวกับยาย และยายจะไปรู้เรื่องอะไร มาทำแบบนี้มีหลักฐานอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ก็มี แต่กลับพาตำรวจที่ไหนไม่รู้มาข่มขู่ยาย

ยายสุบิน กล่าวอีกว่า ตนถูกหวยได้เงินมา 2 หมื่นบาท ได้นำเงินดังกล่าวไปซื้อวัวให้หลานไว้เลี้ยง และเพื่อเป็นทุนการศึกษาของหลาน แต่นายทุนจะมายึดไป ตนไม่ยอม พร้อมที่จะสู้ให้ถึงที่สุด

ด้านลูกสาวของยายสุบิน กล่าวว่า หลังจากที่พ่อเสียชีวิตไป ตนก็มาอยู่เป็นเพื่อนกับแม่ ส่วนลูกสาวของตนไปรับจ้างทำงานอยู่ที่ จ.กระบี่ ตนได้สอบถามไปแล้วว่าเงินที่ยืมไปก็ส่งดอกให้เป็นประจำทุกสิ้นเดือน และมาเจอสภาพเศรษฐกิจแบบนี้และไวรัสโควิด-19 ลูกสาวตนไม่มีงานทำจึงหาเงินส่งดอกไม่ทัน จนกระทั่งมีเจ้าหนี้มาทวงถามที่บ้านและข่มขู่แม่ของตน โดยก่อนหน้านี้ก็ได้สร้อยและเลสของแม่ไปแล้ว และยังมาบังคับให้แม่เซ็นรับสภาพหนี้เพื่อที่จะนำวัวในคอกและรถที่จอดไว้ ซึ่งเป็นชื่อของตนไป รวมทั้งยังมาบังคับที่จะยึดสิ่งของไปจนหมด ตนก็เลยไม่มีที่พึ่งและเกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงได้เดินทางมาแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.หนองจอก ต.คาละแมะ อ.ศีขรภูมิ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม่ของตน ไม่ทราบเลยว่าลูกสาวของตนไปเป็นหนี้อะไรเท่าไหร่ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาข่มขู่แม่ของตนด้วย และแม่ก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเจ้าหนี้.