จากกรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปวิดีโอ กลุ่มชายเข้ามาขวางรถตู้โดยสารที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั่งในรถ จากนั้นก็บังคับนักท่องเที่ยวลงจากรถจนหมดและให้ไปหารถคันใหม่ สาเหตุจากไม่พอใจที่รถตู้ดังกล่าวมาวิ่งรับผู้โดยสาร ซึ่งไม่ใช่รถตู้สังกัดในพื้นที่ ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวภูเก็ต เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นพฤติกรรมความกร่างของกลุ่มชายฉกรรจ์ ราวกับเป็น “มาเฟีย” หรือผู้มีอิทธิพล ซึ่งไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

ฉาวโฉ่! ‘มาเฟียภูเก็ต’ ก่อเรื่องอีก โดดขวางรถตู้ ไล่ ‘4 ทัวริสต์’ คาดไม่พอใจเรียกผ่านแอพ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ยังคิวแท็กซี่ท่าเทียบเรือรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต พบกับชายที่อยู่ในคลิปทราบชื่อ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี พร้อมกับเพื่อนกลุ่มแท็กซี่เปิดเผยว่า ข่าวที่ลงไปนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตนเป็นเพียงคนทำมาหากินเท่านั้น ช่วงเกิดเหตุได้มีแขกขึ้นมาจากพีพีแล้วมาซื้อตั๋วที่ท่าเรือรัษฎา ทีนี้ก็มีแท็กซี่ที่เป็นของ XXXX ได้โทรฯ หาลูกค้า ลูกค้าก็เปิดลำโพงให้ได้ยิน ซึ่งเขาบอกว่าใน XXXX เป็นแท็กซี่มาเฟีย ปรากฏว่าทางพนักงานก็เรียกผมให้ตามไปดูหน่อย ว่าท่านไหนที่พูดแบบนี้ เพราะมีลูกค้าจำนวนเยอะที่ได้ยินว่าแท็กซี่ข้างในเป็นแท็กซี่มาเฟีย เขาก็เลยไม่กล้าที่จะซื้อตั๋ว เพื่อจะเดินทางไปจุดต่าง ๆ ไปที่พักหรือที่ต่าง ๆ ที่ลูกค้าจะไป

จากนั้นผมได้เดินมาดูว่ารถคันไหน ผมอยากรู้ แล้วผมได้สอบถามว่า ทำไมคุณถึงพูดว่าแท็กซี่ข้างในเป็นมาเฟีย และแขกที่รอจะซื้อตั๋วอยู่ก็ไม่กล้าซื้อ เพื่อที่จะไปกับแท็กซี่ของพวกเรา ทำให้เราออกมาดูว่าทำไมพูดเช่นนั้น เสียภาพลักษณ์บริษัทของตัวผมเองและของบริษัทและการท่องเที่ยว อยากจะฝากบอกว่า ทางบริษัทของท่าเรือไม่ได้มีมาเฟียใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ออกมาสอบถามกับคนที่เข้ามารับ อยากถามว่าทำไมต้องใส่ร้ายพวกเราเช่นนี้ว่าเราเป็นแท็กซี่มาเฟียด้วย

ต่อมา ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังคนขับรถตู้ ซึ่งก็ระบุเพียงว่า ไม่อยากให้ข่าวแล้วและไม่อยากเอาเรื่อง เพราะยังอยากทำมาหากินในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ยืนยันไม่ขอแจ้งความเอาผิดใคร เช่นเดียวกับทางฝ่ายขนส่ง ที่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะที่ ตำรวจในพื้นที่ ก็ระบุว่า หากไม่มีผู้เสียหายแจ้งความเอาผิด ก็ไม่สามารถดำเนินการเรื่องคดีใด ๆ ได้