รายงานข่าวจากพีทีที สเตชั่น และบางจากฯ ได้ประกาศปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดลง 1.00 บาท/ลิตร เว้น E85 ลดลง 0.60 บาท/ลิตร พรีเมียมดีเซล B7 ลดลง 1.00 บาท/ลิตร นอกนั้นคงเดิม มีผล 20 ก.ย. 2565 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ดังนี้ เบนซิน ราคา 41.86 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 34.45 บาทต่อลิตร, E20 ราคา 33.34 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 34.18 บาทต่อลิตร, E85 ราคา 31.94 บาทต่อลิตร, พรีเมียม โซฮอล์ 95 ราคา 39.94 บาทต่อลิตร, กลุ่มดีเซล ราคา 34.94 บาทต่อลิตร, พรีเมียม ดีเซล B7 ราคา 43.66 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ว่า มีมติตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลสัปดาห์นี้ไว้ที่ 34.94 บาทต่อลิตรว่า แม้สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง แต่ยังมีความผันผวน จึงต้องมีการพิจารณาเป็นรายสัปดาห์ต่อไป แม้ค่าการตลาดของดีเซล จะเพิ่มขึ้นจากราคาตลาดโลกที่ลดลง แต่ กบน.ได้พิจารณาจัดเก็บเงินเข้าน้ำมันของกลุ่มดีเซลจากเดิมที่ 1.13 บาทต่อลิตรเป็น 2 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 20 ก.ย. เป็นต้นไป เพื่อนำเงินมาเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีรายรับสุทธิประมาณวันละ 99.37 ล้านบาท แบ่งเป็นรายรับประเภทน้ำมันประมาณวันละ 125.03 ล้านบาท และมีรายจ่ายประเภทก๊าซแอลพีจี ประมาณวันละ 25.66 ล้านบาท

สำหรับประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 18 ก.ย. 65 ติดลบ 124,348 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 83,002 ล้านบาท บัญชีก๊าซแอลพีจี ติดลบ 42,346 ล้านบาท