ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดล่าสุด ที่ทำเนียบรัฐบาล “เดอะบิ๊กบราเธอร์” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ท่องคาถาใจบันดาลแรง ถือฤกษ์วันอาทิตย์ที่ 25 ก.ย. แรม 15 ค่ำ ซึ่งตรงกับวันพระ หอบคณะลงพื้นที่ตรวจราชการเมืองมะขามหวาน จ.เพชรบูรณ์ หนึ่งในฐานที่มั่นพรรค พปชร. ที่เหมาเก้าอี้ ส.ส. ยกจังหวัด 5 เขต

จากการเช็กคิว ‘บิ๊กป้อม’ มีภารกิจ เป็นประธานงานอุ้มพระดำน้ำ ที่วัดโบสถ์ชนะมาร ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ สืบสานกันมากว่า 400 ปี

จากนั้นเดินทางไปศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ ติดตามการดำเนินงานโครงการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ก่อนประชุมตรวจราชการพร้อมมอบนโยบาย

ก่อนลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมรับฟังปัญหาอุทกภัยและแนวทางการแก้ไข ที่สะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก พร้อมเยี่ยมชาวบ้านที่ประสบอุทกภัย มอบสิ่งของช่วยเหลือ ที่หอประชุมอำเภอหล่มสัก ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

การลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ของ พล.อ.ประวิตร ถือเป็นการ เดินสายในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารครั้งที่ 5 หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ระหว่างรอคำวินิจฉัยชี้ขาด วาระนายกฯ 8 ปี วันที่ 30 ก.ย.

ย้อนกลับไปต้ังแต่ช่วงต้นเดือน ก.ย. “บิ๊กป้อม” เดินสายลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่จังหวัดฉะเชิงเทรา, กระบี่, ตาก, นราธิวาส ยังไม่นับการเดินทางไปต่างจังหวัด ในนามหัวหน้าพรรค พปชร. และการลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมกรุงเทพฯ

ท่ามกลางสียงเชียร์จากแฟนคลับอวยพรให้นายกฯ ป้อมอายุยืนถึง 150 ปี

จับอาการรู้เลยนาทีนี้ “บิ๊กป้อม” ตั้งใจเหยียบคันเร่งมิดไมล์ เพื่อปั่นแต้มทำคะแนนโกยศรัทธามหาชนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนรัฐนาวาหมดอายุขัยเดือน มี.ค. 2566

อาศัยจังหวะถืออำนาจฝ่ายบริหารชิงความได้เปรียบในช่วง 180 วันอันตราย ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมออกประกาศหลักเกณฑ์ กฎ กติ มารยาท การหาเสียง ในช่วง 180 วันก่อนสภาครบวาระ ซึ่งเริ่มนับหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 2565 ไปจนถึงวันที่ 23 มี.ค. 2566

ประกาศของ กกต. เป็นการนำเนื้อหาของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 มากำหนดรายละเอียดต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ปฏิบัติอยู่ในกรอบอะไรทำได้-อะไรทำไม่ได้ และหากล้ำเส้นอาจมีความผิดตามกฎหมาย

ปฏิเสธไม่ได้ในจังหวะที่ ‘บิ๊กป้อม’ หอบคณะเดินสายตรวจราชการทั่วประเทศ มันมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินกับการเดินสายหาเสียง

ขณะที่ นักเลือกตั้งอาชีพ และพรรคการเมืองฝ่ายค้าน จำต้องเคลื่อนไหวหาเสียงในช่วง 180 วันอันตรายด้วยความระมัดระวังไม่ให้เข้าข่ายขัดกับประกาศ กกต.

สะท้อนภาพการเมืองแบบไทยๆ คนคุมอำนาจรัฐย่อมมีความได้เปรียบ ถือแต้มต่อกดปุ่มกลไกบริหาร ราชการแผ่นดินที่กระจายอยู่ใน 20 กระทรวง

ปั่นแต้ม ทำคะแนน โกยศรัทธามหาชน อนุมัติงบประมาณออกนโยบายลด แลก แจก แถม หวังต่อวีซ่าสืบทอดอำนาจระบอบ 3 ป.