เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 9/2565 ซึ่งมีคณะกรรมการ ก.ตร., ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการ ก.ตร.วินัย คณะอนุกรรมการ ก.ตร. ร้องทุกข์ และคณะอนุกรรมการ ก.ตร. บริหารทรัพยากรบุคคล เข้าร่วมประชุม มีวาระการประชุมฯด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล เงินเดือน และ เงินตอบแทนพิเศษ รวมถึงการพิจารณาจัดทำแนวทางในการปฏิบัติตนของข้าราชการตำรวจ ตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการตำรวจ เป็นต้น ใช้เวลาในการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุม ก.ตร. ได้คืนตำแหน่งให้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงและถูกสำรองราชการก่อนหน้านี้ กลับเข้ารับตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามที่มีข่าวไปก่อนหน้านี้  

ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้มีการประชุม ก.ตร.ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีงบประมาณนี้ มีรายละเอียดเรื่องเพื่อทราบ 4 เรื่อง เรื่องพิจารณา 7 เรื่อง ประเด็นที่สื่อมวลชนสนใจเรื่องการพิจารณาแต่งตั้ง ทางประธาน ก.ตร. ได้ชี้แจงไปแล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดี “นายกฯ 8 ปี” ในวันที่ 30 ก.ย. นี้ จะมีการชุมนุมด้วยนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบทางผู้ชุมนุมได้มีการประกาศอยู่แล้วว่าจะมีการชุมนุม ซึ่งทางตำรวจไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษก็ดูแลเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา คิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ทั้งนี้ในที่ประชุมทาง พล.อ.ประวิตรได้กำชับในเรื่องการให้บริการประชาชน เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยในอำนาจหน้าที่ของตำรวจ กำชับเรื่องของการพิจารณาถ้าจำเป็นต้องออกกฎกติกาใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับกฎหมายตำรวจใหม่ก็ให้ทาง ก.ตร.ไปเร่งรัด

ขณะที่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุม ก.ตร.นัดสุดท้ายในปีงบประมาณ 2565 โดยคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากร บุคคล ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ของข้าราชการตำรวจ เดือน ก.ย.65 มีข้าราชการตำรวจ ลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 27 นาย ซึ่งเป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 19 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 8 ราย ทั้งนี้ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.65 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 215 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 169 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 46 นาย จะเห็นว่าการลงโทษข้าราชการตำรวจถ้ากระทำผิดวินัยจะดำเนินการด้วยความรวดเร็ว คาดว่าแนวโน้มที่ข้าราชการตำรวจจะกระทำผิดคงจะมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีความเข้มข้นในการกวดขันทางวินัย และมี พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ รวมถึงกฎหมายลูกอีกหลายฉบับที่จะมาดูแลข้าราชการตำรวจ 

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประวิตร ได้เร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกกฎหมายลูกมารองรับให้ทันตามเวลา เพื่อรองรับ พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ก็เร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลสิทธิประโยชน์เรื่องสวัสดิการของตำรวจ และมีการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ คือ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ซึ่งเดิมเป็นสำรองราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีผลกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผ่านก.ตร.เป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อการดำเนินการทางวินัยยังไม่แล้วเสร็จ และเกินห้วงระยะเวลาที่กำหนด จึงให้สิทธิประโยชน์ในการกลับเข้ารับราชการเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีคำสั่งไปแล้วเมื่อวันที่ 14 ก.ย.65 เหตุผลเนื่องจากการพิจารณาสั่งการทางวินัยยังไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 87/2 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 จึงให้ พล.ต.อ.วิระชัย กลับคืนสู่ฐานะเดิมก่อนและให้ถือว่าไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างการสอบสวนนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.65 เป็นต้นไป จนกว่าการพิจารณาสั่งการจะเสร็จสิ้นและมีคำสั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.วิระชัย ได้ให้การต้อนรับ พล.อ.ประวิตร ร่วมกับผู้บังคับบังคับบัญชาระดับสูงของ ตร. เป็นครั้งแรกหลัง ผบ.ตร.ได้ลงนามคืนฐานะเดิมและไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกสอบวินัยหลังถูกสอบสวนกรณีปี 2563 ได้บันทึกเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ หลังจากนั้นได้ส่งต่อคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวให้กับบุคคลที่สาม และภายหลังปรากฏว่าได้มีผู้เผยแพร่คลิปเสียงสนทนาดังกล่าวต่อสื่อมวลชนหลายแขนง และกรณีให้ข่าวสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา แต่เนื่องจากการพิจารณาสั่งการทางวินัยยังไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 87 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 จึงให้ พล.ต.อ.วิระชัย กลับคืนสู่ฐานะเดิมก่อน และให้ถือว่าไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกสอบสวน นับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา.