ตั้งแต่ก้าวเข้าวงการมาก็เจอมรสุมดราม่าถาโถมมากมาย สำหรับนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ยุ้ย ญาติเยอะ ล่าสุดควงสามี เล็ก ชูชาติ มาออกรายการโต๊ะหนูแม่ม เพื่อเคลียร์คำครหาทำงานหนักเลี้ยงสามี รวมถึงถูกมองเป็นนักร้องตกอับ จนต้องมีเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีกับตลกชื่อดัง

ยุ้ย เผยว่า “พี่เล็กดูแลทุกอย่างเลยค่ะ คนเรามันต้องอะไรบ้างนอกจากแปรงฟัน ทำอาหาร เค้าก็เป็นคนทำกับข้าว เพราะเราทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง แปลว่าทำทุกอย่างเหมือนคนอื่น แต่เค้าจะทำงานไม่เก่งเหมือนพ่อ ซึ่งเราก็จะมีผู้จัดการส่วนตัวเป็นของตัวเองที่มาทำหน้าที่นี้ไป ส่วนใหญ่พี่เล็กจะดูแลหลังบ้าน ซึ่งเราก็ไม่คิดจะฟาดกลับอะไร คือถ้ามีที่สุดจริงๆ ก็ไม่เคยเลย เพราะเราก็ไม่เคยอะไรกับใครเลย ไม่ว่าจะตั้งแต่ตอนเราอ้วนขึ้นมา มีคนหาว่าท้อง หรือตอนเราผอมก็หาว่าเราไปทำแท้งบ้าง มันก็เจอข่าวอะไรที่หนักๆ อยู่ตลอดเวลา พ่อแม่ครอบครัวเราก็ถึงขั้นเข้มแข็งแล้ว ก็อธิบายว่าคนของประชาชนมันเป็นความคิดเห็นของเขา เราห้ามไม่ได้ จะไปนั่งแก้ตัวบางทีก็จะเป็นข้ออ้างไปอีก แล้วผ่านดราม่ามาได้ด้วยความเข้มแข็งของครอบครัว ซึ่งตอนที่เราเริ่มมีอารมณ์หน่อย หรือโมโหข่าวอะไรแบบนี้ คือพ่อกับแม่ก็จะนั่งพูดกันตลอดว่าให้มันผ่านไป เหมือนท่านอยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา”

“เรื่องดราม่าหยองจริงๆ เราถูกทนายสั่งห้ามว่าอย่าให้พูดเยอะ เพราะเดี๋ยวหลุด ซึ่งมันอยู่ในกระบวนการต่างๆ ก็อาจจะต้องขอข้ามไปในเรื่องนี้ แต่ถ้าถามว่ารับมือกับเรื่องแบบนี้ยังไง ในส่วนตัวของเราเองก็ต้องยอมรับความจริงในสิ่งที่จริงก็คือจริง ในสิ่งที่ไม่จริงแล้วก็ไม่ยอมรับ ในหลายอย่างเราก็จำจากพ่อมาทั้งหมด เพราะเค้ามีสมุดไดอารี่ของเค้า ซึ่งเป็นคำสอนของพ่อเขาตอนนี้ก็ยังอยู่ เอาชีวิตวัยเด็ก ชีวิตเราจะไม่เหมือนเด็กคนอื่นตั้งแต่อยู่โรงลิเกแล้ว เพราะเราต้องร้องลิเกและร้องเพลงตลอด และมันเป็นความชอบของตัวเองด้วย ที่อยากจะอยู่แบบนี้ ซึ่งเห็นเพื่อนวิ่งเล่นกัน เราก็ต้องมาทำงาน แต่พอถึงเวลาคุณพ่อมารับเรา ก็ต้องกลับมาทำงาน ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ซึ่งพ่อก็จะถามว่าไหวไหม ทำไหมถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่มีความตั้งใจว่าจะต้องเป็นลิเกอยู่แล้ว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของทำให้คนรู้จัก ยุ้ย ญาติเยอะ”

เรื่องขายของ ตอนนี้มีเพจขายของชื่อว่ายุ้ยขายเยอะ ก็คือทำฆ่าเวลาไป แล้วตอนช่วงโควิดเราไม่ได้เดินสายทำคอนเสิร์ต มันก็เหงา เราก็เลยหาอะไรมาขาย ตอนแรกขายหมูแดดเดียว ซึ่งดีมาก แต่พี่เล็กเค้าเป็นไทรอยด์แล้วเหนื่อยเลยหยุดไป เลยหาของที่รับมาขายอะไรอย่างนี้ดีกว่า ซึ่งขายทุกอย่างเลย ขายกาแฟ ขายบ๊อกเซอร์ ขายทั้งหมดเลย ตั้งแต่ของกินยันของใช้ ซึ่งรายได้ก็ถือว่าดีพอสมควร ดราม่าแซะตกอับก็ต้องมองเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราก็จะมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ที่มันดีกว่านี้ แต่เราก็มีเหตุผลเพราะเราไม่ต้องการเอาเงินที่เก็บไว้มาใช้ เนื่องจากอันเก็บก็เก็บ หาใหม่ก็ยังพอได้อยู่ เพราะว่าเงินเก็บก็คือของลูกไปแล้ว ทำงานเพื่อลูกอยู่แล้ว ในส่วนที่เป็นรายจ่ายใหม่ ค่าเทอมลูกเราควรหาใหม่ ถ้ามันทำไหวก็ทำไปแล้ว เคยมีรายได้ทุกวัน ไปรำวง ไปรับเชิญ พอวันหนึ่งที่มันไม่มี เราก็ใจหาย เลยลุกขึ้นมาหาอะไรทำ อย่างน้อยก็ค่าขนม ค่าเทอมลูก”