เมื่อวันที่ 10 ต.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต และศุลกากร เดินทางมาที่ ท่าเทียบเรือของ บริษัท เลนโซ่ เทอร์มินอล จำกัด ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อร่วมกันตรวจสอบเรือบรรทุกน้ำมัน ชื่อ “Polestar” สัญชาติเรือตูวาลู ภายหลังจากสืบทราบว่าเรือลำดังกล่าว มีพฤติการณ์ลักลอบนำเข้าน้ำมันเบนชิน จากประเทศสิงคโปร์ เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยหลายครั้ง ปริมาณครั้งละหลายล้านลิตร โดยใช้วิธีการแจ้งสำแดงการนำเข้าเป็น เอทานอล และ เมทานอล

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากประเทศไทยประสบกับปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงมาเป็นเวลานาน แม้ว่าจะมีการจับกุมมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ผู้กระทำผิดได้พัฒนารูปแบบการกระทำผิดมากขึ้น เช่นการลักลอบนำเข้าทั้งทางบกและทางทะเล การลักลอบปะปนมากับสินค้าอื่นๆ การสำแดงเอกสารเท็จ เป็นต้น จนทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากภาษีสรรพสามิตอย่างมหาศาล ตลาดของบริษัทผู้ค้าน้ำมันถูกเอารัดเอาเปรียบ และประชาชนต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำมันที่ไม่ได้คุณภาพ

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบหมายหน้าที่และการสั่งการให้ตน ในฐานะ ผอ.ศปนม.ตร. (ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง) ทำหน้าที่ในการสืบสวนปราบปราม และจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง กระทั่งเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ทราบว่า มีเรือบรรทุกน้ำมัน ชื่อ “Polestar” สัญชาติเรือตูวาลู เดินทางจากประเทศสิงคโปร์มายังประเทศไทย เข้ามาเทียบที่ท่า บริษัท เลนโซ่ เทอร์มินอล โดยจะลักลอบนำน้ำมันเบนซินจำนวน 4-5 ล้านลิตรมาด้วย ศปนม.ตร. โดย พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.แดนไพร ก.สส.สตม. จึงร่วมกับ พ.ต.อ.เติมรัศม์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่สรรพสามิต ศุลกากร และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าทำการตรวจค้นเรือลำดังกล่าว พบว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมเรือได้แสดงเอกสารแจ้งนำเข้าสารเมทานอล 486,337 ลิตร และมีเบนซินไร้สารตะกั่ว 4,847,706 ลิตร บรรทุกมาในเรือลำดังกล่าวด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามผู้ควบคุมจัดการสินค้าจึงได้นำเอกสารของบริษัทอีกฉบับมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร โดยแจ้งว่า สารเอทานอล และน้ำมันเบนชินดังกล่าวจะขนต่อไปประเทศเวียดนาม ไม่ได้นำเข้ามาในประเทศไทย แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบสายท่อขนถ่ายในที่เกิดเหตุมีคราบน้ำมันเบนชินชนิดเดียวกับที่บรรทุกมาในเรือ เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐานจึงได้ตรวจเก็บตัวอย่างของสารชนิดต่างๆ พร้อมกับได้สั่งกักเรือดังกล่าวเพื่อทำการตรวจสอบ

ทั้งนี้ จากการสืบสวนเรือ Polestar ได้เข้าเทียบท่าเรือดังกล่าวมาแล้วถึง 28 ครั้ง โดยแจ้งการนำเข้าสารเมทานอล มาโดยตลอดและมีต้นทางจากประเทศสิงคโปร์ มาส่งสินค้นค้าที่ท่าเรือนี้ จากนั้นจะเดินทางกลับสิงคโปร์ทันที ไม่เคยเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศเวียดนามตามที่อ้างแต่อย่างใด หลังจากนี้จะได้รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการขนถ่ายน้ำมันเบนซินดังกล่าว หากพบว่ามีการลักลอบขนถ่ายเข้ามาในประเทศไทยมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี หรือหากพบว่ามีการสำแดงเอกสารเท็จ จะมีการพิจารณาดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และ พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ ต่อไป.