เมื่อวันที่ 13 ส.ค. นายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการฝ่ายก่อสร้างและบำรุงรักษา การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยผลการตรวจสอบโครงสร้างทางพิเศษ (ทางด่วน) กรณีถูกเพลิงไหม้จากการชุมนุมทางการเมือง ผ่านระบบ Zoom ว่า กทพ. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้างบริเวณที่มีการเผาป้อมตำรวจที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ใต้ทางด่วนดินแดง ซึ่งเกิดเหตุเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมาแล้ว โดยได้ใช้กล้องอินฟราเรด ทดสอบทั้งเรื่องความร้อนสะสม และกำลังอัดคอนกรีต เบื้องต้นพบว่า ไม่มีผลกระทบต่อตัวโครงสร้างทางด่วน มีเพียงคราบเขม่าบริเวณใต้ทางด่วน โดยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทำความสะอาดต่อไป พร้อมกันนี้จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ทางได้ทราบด้วย เพื่อความมั่นใจในการใช้ทางว่ามีความปลอดภัย

นายชาตรี กล่าวต่อว่า ส่วนจุดที่มีการเผารถตำรวจใต้ทางด่วนดินแดง เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา และจุดที่มีการเผาเศษวัสดุใต้ทางด่วนดินแดง เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่เข้าไปตรวจสอบได้ อยู่ระหว่างการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเข้าพื้นที่ดังกล่าว คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้จะได้ข้อมูลผลการตรวจสอบที่ชัดเจนว่าแต่ละจุดมีความเสียหายมากน้อยเพียงใด จากนั้นจะแจ้งให้ผู้ใช้ทางรับทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำผู้ใช้ทางว่าขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสาร หากมีการชุมนุมบริเวณใกล้ทางด่วน ขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางนั้นเพื่อความปลอดภัย

นายชาตรี กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองบริเวณใต้ทางด่วนดินแดงช่วง 1-3 วันที่ผ่านมา พบว่า  มีกระจกตู้เก็บเงินค่าผ่านทางแตก และกล้องวงจรปิดถูกทำลาย ซึ่ง กทพ. ยังไม่ได้ประเมินมูลค่าความเสียหาย คาดว่าน่าจะไม่มาก แต่ไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะมีเหตุการณ์ที่รุนแรงกว่านี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากรุนแรงมากขึ้น และ กทพ. ได้รับความเสียหายจำนวนมาก คงต้องใช้อำนาจทางกฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ปัจจุบันด่านดินแดงในจุดที่มีการชุมนุมทางการเมืองมีปริมาณการจราจรประมาณวันละ 3 หมื่นเที่ยว ซึ่งตั้งแต่มีการชุมนุมยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อปริมาณการจราจร และรายได้ของด่านดินแดงบ้าง แต่ไม่เยอะมากจนเป็นนัยสำคัญ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ปริมาณการจราจร และรายได้ของด่านดินแดงลดลง น่าจะมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มากกว่า

นายชาตรี กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม การชุมนุมทางการเมืองเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่ กทพ. ขอความร่วมมือให้พึงระวังการเผาใกล้โครงสร้างทางด่วนหรือสะพาน เนื่องจากโครงสร้างทางพิเศษเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หากได้รับความร้อนสูงเป็นระยะเวลานาน อาจมีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อความแข็งแรง และความสามารถในการรับน้ำหนักของโครงสร้าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อประชาชนที่ใช้เส้นทาง