เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ได้เผยเคสผู้ป่วยที่มีอาการเคืองตา และมีอาการตามัวเรื่อย ๆ จนต้องมาพบแพทย์ โดยทางเฟซบุ๊ก Arak Wongworachat ได้โพสต์ข้อความพร้อมข้อความ เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยใกล้ตัวสุดอันตราย ระบุว่า ‘ใช้เครื่องตัดหญ้าสะพายไหล่ ไม่ป้องกัน เศษหิน พุ่งทะลุกระจกตาฝังในเบ้าตา สุดอันตราย อย่างยิ่ง

ผู้ป่วยชายอายุ 50 ปีเศษ มาโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ด้วยอาการเคืองตา ปวดตามาก ต้องขยิบตา น้ำตาไหลตลอดตาแดง มองเห็นไม่ชัดเหมือนเดิม พยาบาลถามประวัติเพิ่มเติม ได้ความว่า เมื่อ 4 วัน ก่อนมาโรงพยาบาล ตัดหญ้าข้างบ้าน ไม่ได้ใส่แว่นครอบป้องกันดวงตา และจำได้ว่า ตัดไปไม่นาน เหมือนมีอะไรเข้าตา เจ็บปวดในเบ้าตา เคืองตา แต่ก็ทนตัดต่อไปจนเสร็จ

กระทั่งกลับเข้าบ้านอาบน้ำ ล้างหน้า ยังไม่คิดว่าเป็นอะไร วันต่อ ๆ มา ปวดตามากขึ้นเรื่อย ๆ ตามัว ๆ จึงมาโรงพยาบาล ส่งพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุ แพทย์ใช้เครื่องมือตรวจตาแบบพิเศษ พบว่ากระจกตาฉีกขาดเป็นรอยยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร และพบเศษหินผิวไม่เรียบ ขนาด 2.5 มิลลิเมตร ฝังอยู่ในเบ้าตา ค่อนไปทางด้านบน

แสดงให้เห็นทิศทางของเศษหิน ที่โดนใบมีดตัดหญ้า พุ่งด้วยความเร็วสูง เข้าหาดวงตา จักษุแพทย์ ให้เข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉิน และเตรียมความพร้อมผู้ป่วยโดยฉีดยาต้านเชื้อเข้าทางเส้นเลือด

การผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอมออกมาจากส่วนลึกของดวงตา ต้องผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผ่านการใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง เครื่องมือมีขนาดเล็กละเอียดอ่อน ทีมแพทย์สามารถผ่าตัดออกมาได้สำเร็จ ทั้งเศษชิ้นส่วนผงเล็ก ๆ

ผู้ป่วยต้องนอนโรงพยาบาล ฉีดยาต้านเชื้อหลายวัน จนกว่าจะแน่ใจว่า ไม่มีภาวะติดเชื้อในดวงตาตามมา นั่นหมายถึงโอกาสตาบอดตามมาได้ เตือนภัยใกล้ตัวให้ระวัง แม้คนอื่นตัดหญ้าอย่าเข้าใกล้ เกิดเหตุแบบนี้ได้เสมอ..’

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Arak Wongworachat