จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก กินแซ่บแบบนัวนัว ซึ่งเจ้าของเพจเป็นครูสาว มีผู้ติดตามเพจ 1.2 ล้านคน ลงคลิปวิดีโอโชว์กินเมนูพิสดารอย่าง “ค้างคาว” ทำให้หลายคนคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

โดยครูสาว กล่าวในคลิปว่า ลักษณะคล้ายแมลงเม่า คล้ายกับกินหนู หักคอจิ้มน้ำพริกกินได้ หนังเหนียว แต่ไม่ได้เหนียวมาก รสชาติมัน ๆ ไม่เลวร้าย พร้อมบอกว่าคลิปนี้ดูเพื่อความบันเทิง อะไรที่ดูแล้วเหนือกว่าที่เรากินได้ ก็อย่าไปลอกเลียนแบบ ไม่มีเจตนาอะไรใครทั้งสิ้น ให้ดูเพื่อความบันเทิง จากนั้นได้มีชาวโลกออนไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยไม่เห็นด้วยกับการกินค้างคาวดังกล่าว จะเป็นการแพร่เชื้อโรคต่างๆ เนื่องจากตัวค้างคาวมีเชื้อโรคที่ไม่สามารถฆ่าด้วยความร้อนหลายชนิด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 พ.ย. เพจดัง “Drama-addict” ได้โพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับการกินค้างคาวเพิ่มว่า สาเหตุที่มนุษย์ไม่ควรเอาค้างคาวมาแ-กเป็นอาหาร นอกจากค้างคาวจะเป็นพาหะของโรคร้ายแรงสารพัด ตั้งแต่ อีโบลา นิปาห์ พิษสุนัขบ้า บลาๆ แล้ว ค้างคาวหลายชนิดยังจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในบ้านเราด้วย และค้างคาวยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบนิเวศ ที่ช่วยในการผสมเกสรดอกไม้ ถ่ายละอองเรณู และขี้ค้างคาวยังเป็นปุ๋ยอย่างดีให้กับพืชพรรณ และช่วยกำจัดแมลงศัตรูพืชด้วย

‘หมอแล็บ’ วอนสาวไทยหยุดกิน ‘ค้างคาว’ ไม่เรียนรู้อะไรจากโควิดเลยเหรอ

อีกทั้งยังมีการวิจัยพบว่า การกินเนื้อค้างคาว มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคทางระบบประสาท Lytico-bodig disease หรือโรค amyotrophic lateral sclerosis-parkinsonism-dementia (ALS-PDC)

พูดง่ายๆคือเป็นภาวะที่สมองเกิดการเสื่อมคล้ายๆภาวะอัลไซเมอร์ อาการคือมีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว มือเท้าสั่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ความจำเสื่อม ในรายที่เป็นหนักๆ ถึงขั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูด สื่อสารไม่ได้ กล้ามเนื้อฝ่อ อ่อนแรง จนเป็นผู้ป่วยติดเตียง

โรคนี้พบในเกาะกวม ที่มีการบริโภคค้างคาวสูงกว่าที่อื่นๆ ในโลกเกือบร้อยเท่า และมีการศึกษาจนพบสาเหตุแล้วว่าเกี่ยวข้องกับการบริโภคค้างคาว ที่กินผลไม้ชนิดหนึ่งในท้องถิ่นเป็นอาหาร พอคนกินค้างคาวที่ร่างกายมีสารที่เกิดจากการกินผลไม้ตัวนั้นเข้าไปสะสมในร่างกาย ก็ทำให้เกิดโรคดังกล่าว

ค้างคาวเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ มนุษย์เราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยประการทั้งปวง ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุดครับ.