เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 12 พ.ย. ร.ต.อ.กานดิส สีแก้วน้ำใส รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุคนร้ายงัดร้านขายของชำ ที่บ้านดอนพู่ หมู่10 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงออกไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น เลขที่ 731 ด้านหน้าเปิดเป็นร้านขายของชำ พบนายนิรุจน์ บุตรขัน อายุ 36 ปี เจ้าของร้าน พาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณประตูไม้หลังบ้าน มีร่องรอยถูกคนร้ายใช้ของแข็งงัดเสียหาย เข้ามาค้นทรัพย์สินภายในร้านและบนบ้าน ขโมยสุรา 13 ขวด บุหรี่ 40 ซอง บาท ขนม 10 ห่อ ซิมโทรศัพท์ 10 อัน เงินสด 1,000 บาท และตู้เซฟใส่เอกสาร รวมมูลค่ากว่า 10,000 บาท นอกจากนี้ยังพบอุจาระในห้องน้ำไม่ย้อมล้างอีกด้วย

จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้โดย คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 20-30 ปี สูง 165 สวมเสื้อแขนบาวยาวสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ ใส่หน้ากากอนามัย เข้ามาทางหลังบ้าน ช่วงเวลา 18.43 น. จากนั้นด้รื้อค้นบริเวณชั้นล่าง ซึ่งเป็นร้านขายของชำ ได้รื้อค้นบริเวณลิ้นชักและเดินไปเอาถุงหิ้วหลังบ้านมาใส่เงินทอน บุหรี่ ขนม จากนั้นเดินไปหลังบ้าน หยิบตะกร้าใส่เสื้อผ้า มาใส่ขวดเหล้าที่อยู่ใช้วางของ แล้วปิดไฟในร้าน ก่อนหลบหนีออกไปทางด้านหลังบ้าน

นายนิรุจน์ เล่าว่า ปกติตนและครอบครัวจะเปิดร้านขายของตามปกติ วันนี้ช่วงประมาณ 10.00 น.ได้พาภรรยาไปทำธุระที่ต่างอำเภอ แล้วกลับมาถึงบ้านเวลา 21.30 น. พบว่าไฟในบ้านเปิด สิ่งของในร้านและบ้านถูกรื้อค้น ประตูหลังบ้านถูกงัด จึงตรวจสอบมีสุรา บุหรี่ เงิน หายไป จึงเช็กภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีคนร้ายเข้ามาขโมยของในร้านและรื้อค้นบนบ้าน และชั้น 2 ของบ้านก็ถูกคนร้ายรื้อค้น คนร้ายได้ตู้เซฟ ซึ่งไม่มีของมีค่าอะไร มีเพียงเอกสารพวกบิลค่าใช้จ่ายในบ้าน คาดว่าคนร้ายอาจจะคิดว่ามีทรัพย์สินมีค่าภายใน จึงขโมยไป อีกทั้งคนร้ายยังได้อุจจาระไว้ในห้องน้ำแล้วไม่ทำความสะอาด ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเคล็ดของคนร้ายหรือไม่ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

นายนิรุจน์ ฝากถึงคนร้ายว่าอย่าทำแบบนี้เลยเพราะช่วงนี้ทุกคนก็หากินลำบาก ซึ่งคนก็อยากเห็นหน้าคนร้าย และถ้าตำรวจจับได้ก็ให้คนร้ายมาซ่อมประตูให้ด้วย เพราะไม่มีเงินซ่อมแล้ว เบื้องต้นตำรวจสันนิฐานว่า คนร้ายอาจเป็นคนละแวกเดียวกัน รู้ว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่จึงเข้ามาก่อเหตุ เบื้องต้นนำหลังฐานภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน และบริเวณใกล้เคียงรวมถึงตามเส้นทางที่คาดว่าใช้หลบหนีไปตรวจสอบหาเบาะแสติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป